BTS เผยไตรมาส 1/65-66 (สิ้นสุด มิ.ย.65) มีกำไร 536 ล้านบาท ลดลง 61.2% เหตุรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างลดลง และไม่มีกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน ขณะที่บอร์ดไฟเขียวร่วมทุน BA จัดตั้ง "ยูทีบี" ดำเนินธุรกิจบริหารเมืองการบินในอู่ตะเภาและภาคตะวันออก

  บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 65/66 (สิ้นสุด มิ.ย.65) มีกำไรสุทธิ 535.98 ล้านบาท ลดลง 61.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,382.97 ล้านบาทและอัตรากกำไรสุทธิ(ก่อนรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ) ที่ 10.1% ลดลงจา 14.6% ในไตรมาส 1 ปี 64/65

  บริษัทมีรายได้รวม 5,282 ล้านบาท ลดลง 44.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงท้ายของการพัฒนา ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการรับเหมาลดลง 4,423 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการและการขายอยู่ที่ 2,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% ประกอบกับไม่มีการบันทึกกำไรจากการขายที่ดิน เหมือนช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรจากการขายที่ดิน 481 ล้านบาท

  อย่างไรก็ตามรายได้ที่ลดลงถูกชดเชยบางส่วนจากรายได้ธุรกิจ MIX ซึ่งได้รับแรงหนุนหลักจากการควบรวมกิจการทั้งไตรมาสของ บริษัท แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (Fanslink) และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจการชำระเงิน

  บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวม 3,674 ล้านบาท ลดลง 47.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง

  มี EBITDA ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ 1,887 ล้านบาท ลดลง 18.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากผลประกอบการที่อ่อนตัวลงจากธุรกิจ MATCH แต่บางส่วนได้รับการชดเชยจากการเปลี่ยนแปลงจากส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า มาเป็นส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 213 ล้านบาท

  สำหรับแนวโน้มธุรกิจ ภายใต้ธุรกิจ MOVE จำนวนเที่ยวเดินทางรถไฟฟ้า (ridership) เริ่มฟื้นตัว ด้วยจำนวนเที่ยวการเดินทางในวันทำการเฉลี่ย เดือนมิ.ย.65 ที่แตะระดับ 451,000 เที่ยวต่อวัน หรือคิดเป็น 61% จากระดับปกติในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิดที่มีจำนวนเที่ยวการเดินทาง 753,000 เที่ยวต่อวัน ดังนั้นคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของจำนวนเที่ยวเดนิทางรถไฟฟ้า (โดยจะมีส่วนแบ่งกำไรจาก BTSGIF ที่เพิ่มขึ้น) สู่ช่วงก่อนมีโรคระบาดในช่วงสิ้นปี 66 (base case) หรืออาจเร็วกว่านั้นในช่วงเม.ย.66

  นอกจากนี้ งานก่อสร้างโครงการรถไฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ในเดือน ก.ค.65 มีความคืบหน้ากว่า และคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มสายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 66

  ธุรกิจ MIX จากจำนวนเที่ยวเดินทางรถไฟฟ้า (ridership) ที่ฟื้นตัว คาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจสื่อโฆษณา ซึ่งมองว่าธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านของ วีจีไอ น่าจะได้รับผลดีเนื่องจากสื่อโฆษณาอยู่ในพื้นที่ที่เป็นย่านศูนย์กลางทำงธุรกิจ สำหรับธุรกิจการจัดจหน่ายคาดว่าจะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ

  ในส่วนของธุรกิจ MATCH คาดว่าธุรกิจให้บริการทางการเงินและธุรกิจประกันภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ยู ซิตี้ จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท ซึ่ง ยู ซิตี้ คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

  นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติการร่วมทุนกับ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA และผู้ถือหุ้นอื่น จัดตั้งบริษัท "ยูทีบี จำกัด" ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 10 ล้านบาท บริษัทฯ จะถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 55% แต่ไม่เกินกว่า 75% เพื่อประกอบธุรกิจบริหารเมืองการบินในโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก