efinancethai

Special Interview

30 ปี AMATAV ปักธง "เวียดนาม" แรงไม่หยุด รับต่างชาติแห่ลงทุน

30 ปี AMATAV ปักธง

 

"เวียดนาม" ถือเป็นอีกประเทศที่เป็นจุดหมายที่ต่างชาติเข้าไปปักหมุดลงทุน จากเศรษฐกิจที่ยังเติบโตต่อเนื่อง และกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน  ซึ่งรวมถึง "อมตะ วีเอ็น" ที่ยังคงเดินหน้าลงทุนสร้างนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม รองรับความต้องการที่นักลงทุนแห่เข้ามาทำธุรกิจ

 

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย มีโอกาสสัมภาษณ์ "สมหะทัย พานิชชีวะ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAV ในฐานะนักลงทุนไทยแนวหน้า และก้าวออกไปลงทุนในประเทศเวียดนามเป็นรายแรกๆ ยาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งมาให้มุมมองและอัปเดตแผนงานในอนาคต

 

 


***  "ดาวเด่นแห่งการลงทุน"


กลุ่มอมตะ เชื่อในการเติบโตของประเทศเวียดนาม จึงเป็นเหตุผลให้เข้าไปลงทุนในเวียดนามจนปัจจุบัน เข้าสู่ปีที่ 30 แล้ว โดย 67 เวียดนาม ตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจที่  6-6.5% เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปีก่อนที่เติบโต 5.05%


ด้วยโครงสร้างพื้นฐานเวียดนาม ยังสามารถรองรับการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมปัจจุบันมีการขยายตัวต่อเนื่อง การไฟฟ้าเวียดนามยังได้รับมอบหมายจากภาครัฐให้ดำเนินการเรื่องการก่อสร้างสายไฟฟ้าแรงสูงจากในประเทศ เพื่อแก้ปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนในประเทศ

พร้อมกันนี้ เวียดนามกำลังเดินหน้าพัฒนาแผนพลังงานแห่งชาติ หรือ แผน PDP8 รวมไปถึงการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์ม ก็จะเป็นอีกส่วนที่เข้ามาสนับสนุนไฟฟ้าให้เพียงพอ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั่วประเทศช่วยสนับสนุนด้วย ดังนั้นบริษัทจึงได้ลงทุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคทั้งโครงการผลิตกระแสไฟฟ้า และจัดหาแหล่งน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรม


ความน่าลงทุนของเวียดนามที่เกิดขึ้น สะท้อนได้จากการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นลูกค้าเป้าหมายของเรา ในปี 66 มียอดเงินลงทุนโดยตรง (FDI) จากต่างประเทศ ไหลเข้าไปในเวียดนาม 36,600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32% จากปี 65 โดยประเทศที่นำเม็ดเงินเข้าไปลงทุนสูงสุด ประกอบด้วย จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และเกาหลีใต้ และแนวโน้ม FDI ยังเติบโตสูงต่อเนื่อง


*** ลุยสร้างนิคมฯในเวียดนาม

 

 

นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง พื้นที่ภาคเหนือ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ลองถั่น พื้นที่ภาคใต้ของเวียดนาม ที่ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปี 67 บริษัทตั้งเป้ายอดการเช่าที่ดินของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมไว้ที่ 70 เฮกเตอร์ (เกือบ 500 ไร่) ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่มียอดขาย 60 เฮกเตอร์ ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินพร้อมขายให้แก่ลูกค้าราว 70-100 เฮกเตอร์ จาก 2 นิคมอุตสาหกรรมนี้ ที่ดินในมือสามารถรองรับการขายให้แก่ลูกค้าได้ราว 1 ปี 6 เดือน


บริษัทได้พิจารณาความเหมาะสมของนิคมอุตสาหกรรมและลูกค้าให้สอดรับกัน โดยนิคมอุตสาหกรรมลองถั่น จะมีราคาที่สูง จึงต้องเป็นบริษัทที่ต้องการแรงงานฝีมือ และมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 


ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าความร่วมมือกับภาครัฐของเวียดนาม ในการจัดหาที่ดินรองรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เช่น นิคมอุตสาหกรรมฮาลอง ยังคงจัดหาที่ดินรองรับการพัฒนาเฟส 2 และในเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนนี้ วางแผนที่จะดำเนินการเฟส 3 ต่อเนื่อง โดยที่ดินที่จัดหาเพิ่มขึ้น จะเป็น Stock พร้อมขายในปี 68 


บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตระยะกลาง 3 ปี ส่วนใหญ่เป็นรายได้มาจากนิคมอุตสาหกรรม  ส่วนระยะยาว จะมีการขยายจากนิคอุตสาหกรรม เช่น นิคมอุตสาหกรรมฮาลอง จะขยายทั้งในภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนาม จะเป็นส่วนสนับสนุนการเติบโตในระยะ 5 ปี


สำหรับปี 67 วางงบลงทุน 160 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาที่ดินและระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือและภาคใต้ แบ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ เบียนหัว วงเงิน 26 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนเฟสสุดท้าย จำนวน 130-140 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลองถั่น วงเงิน  45 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนเรื่องเวนคืนที่ดิน การก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภค และพลังงานทางเลือก ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง วงเงิน 85 ล้านเหรียญสหรัฐ  เน้นจัดหาที่ดินเป็นหลัก เนื้อที่กว่า 300 เฮกเตอร์ 

 
สำหรับแหล่งเงินมาจากการใช้เงินจากการลงทุน (Investment) และเงินกู้ยืมสถาบันการเงินทั้งของไทยและเวียดนาม ซึ่งเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

 

*** เล็งเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ประจำ

 


ในเวียดนามระบบสาธารณูปโภคถือว่าเป็นหลักของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ดังนั้น การสร้างโรงไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม  บริษัทมีเป้าหมายที่จะลงทุนเพิ่มในอนาคต จะทำให้บริษัทเติบโตได้มากขึ้น และมีโอกาสสร้างรายได้มากกว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตแน่นอน 


"แม้เราจะมีการเพิ่มการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม แต่ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำก็จะโตขึ้นทุกปี แม้อัตรากำไรสุทธิไม่สูงมาก แต่ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มั่นคง"


ดังนั้นเป้าหมายระยะยาว มองการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ  รวมถึงการขยายโครงการเดิม ทั้งการพัฒนาโรงไฟฟ้า ระบบน้ำ ให้บริการสาธารณูปโภค เพื่อสร้างรายได้ประจำต่อเนื่องให้อนาคต จากปี 66 สัดส่วนรายได้จากการขายที่ดิน กับธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) หรือให้บริการสาธารณูปโภค อยู่ที่ 50 : 50 วางเป้าหมายรักษาสัดส่วนนี้ไว้

 

*** ปักธงปี 67 รายได้เติบโต 15-20%


สำหรับปี 67 วางเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% ปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเข้ามาลงทุนในเวียดนามต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมียอดขายที่รอโอน (Backlog) 60 เฮกเตอร์ บริษัทอยู่ในระหว่างเร่งดำเนินการเพื่อส่งมอบให้ลูกค้า 

 

ในส่วนของอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามปัจจุบันมีหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีการเลือกทำเลที่เหมาะสมกับแต่ละบริษัท อย่างในส่วนของกลุ่ม Consumer Product ที่มีการส่งสินค้าไปยุโรป จะเลือกลงในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ รวมถึงอุตสาหกรรมไฮเทค มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนนิคมอุตสาหกรรมในภาคเหนือของเวียดนามนับว่ามีศักยภาพ เพราะมีความหนาแน่นของประชากร และยังมีโอกาสเติบโตได้ดี  โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

 

สำหรับกิจการร่วมค้า (JV) ที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดกว๋างนิญ ทางภาคกลาง ของเวียดนาม ซึ่งบริษัทถือหุ้น 20%, นักลงทุนจากสิงคโปร์ ถือหุ้น 60%, และนักลงทุนจากญี่ปุ่นถือหุ้น 20% เปิดเฟสแรก 100 เฮกเตอร์ (600-700 ไร่) เริ่มเปิดขายแล้ว ปีนี้น่าจะมียอดขายได้ 20-30 เฮกเตอร์ ซึ่งจะช่วยหนุนการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ยังไม่รวมในเป้าหมายยอดขายที่ดินทั้งปี 70 เฮกเตอร์

 







ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh