อุตสาหกรรมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยังทรุดลงต่อเนื่อง ครึ่งแรกปี 62 รายงานกำไรรวม 3,510 ล้านบาท ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ผงะพบ 10 บล. พลิกขาดทุน แถม 9 บล.ติดลบต่อเนื่อง รับผลกระทบรายย่อยหายจากตลาดหุ้นไทย ขณะที่ค่าคอมมิชชั่นรูดลงไม่หยุด สมาคมดิ้นปรับเกณฑ์หวังลดต้นทุน
*** โบรกเกอร์ครึ่งอุตสาหกรรมขาดทุน
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานผลประกอบการธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ครึ่งแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิรวม 3,510 ล้านบาท ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 19 จาก 38 บล.มีผลขาดทุน ประกอบด้วย
19 โบรกเกอร์ขาดทุน
|
บริษัทหลักทรัพย์
|
กำไร H1/62 (ลบ.)
|
กำไร H1/61 (ลบ.)
|
เออีซี
|
-201.93
|
-79.21
|
ดีบีเอส วิคเคอร์ส
|
-135
|
88.77
|
ฟินันเซีย ไซรัส
|
-88.34
|
32.48
|
เคที ซีมิโก้
|
-76.54
|
30.04
|
คิงส์ฟอร์ด
|
-63.64
|
-40.79
|
อาร์เอชบี
|
-57.11
|
-27.56
|
เอเชีย เวลท์
|
-51.99
|
-14.74
|
เอสบีไอ ไทยฯ
|
-38.29
|
-70.05
|
ฟิลลิป
|
-34.16
|
92.18
|
ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี
|
-26.99
|
128.84
|
ทิสโก้
|
-25.37
|
88.99
|
ยูโอบี เคย์เฮียน
|
-25.02
|
140.37
|
เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์
|
-17.76
|
-11.2
|
เอเอสแอล
|
-16.26
|
-12.49
|
จีเอ็มโอ-แซด คอม
|
-13.13
|
-82.12
|
แมคควอรี
|
-9.91
|
35.2
|
ไอร่า
|
-9.13
|
9.29
|
โกลเบล็ก
|
-7.39
|
9
|
ซีมิโก้
|
-6.65
|
-91.91
|
บล.เออีซี ขาดทุนสูงสุด 201.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนเพียง 79.21 ล้านบาท โดยเป็น 1 ใน 8 บล.ที่ขาดทุนอย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน (2560-2562)
ขณะที่พบว่า 10 จาก 19 บริษัทพลิกขาดทุนจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) พลิกขาดทุนสูงสุด 135 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 88.77 ล้านบาท
ทั้งนี้ ข้อมูลข้างต้นเป็นรายงบการเงินของธุรกิจโบรเกอร์ซึ่งจะรายงานต่อ ก.ล.ต.ปีละ 2 ครั้ง (งบครึ่งปี-งบปี) ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่มีการรายงานงบการเงินรายไตรมาส
*** 8 บล.มีแววขาดทุน 3 ปีติด
ขณะเดียวกันพบว่ามี 8 บล.ขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่งบการเงินปี 2560 ถึงครึ่งแรกปี 62 ซึ่งมีโอกาสขาดทุน 3 ติดติดต่อกันหากครึ่งหลังปี 62 ยังไม่สามารถพลิกกำไรได้ ประกอบด้วย
8 โบรกเกอร์ขาดทุนต่อเนื่อง
|
บริษัทหลักทรัพย์
|
กำไร H1/62 (ลบ.)
|
กำไรปี 61 (ลบ.)
|
กำไรปี 60 (ลบ.)
|
เออีซี
|
-201.93
|
-139
|
-68.03
|
คิงส์ฟอร์ด
|
-63.64
|
-86.92
|
-16.98
|
อาร์เอชบี
|
-57.11
|
-118.24
|
-79.72
|
เอเชีย เวลท์
|
-51.99
|
-30.98
|
-87.41
|
เอสบีไอ ไทยฯ
|
-38.29
|
-8.19
|
-42.74
|
เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์
|
-17.76
|
-23.28
|
-23.48
|
เอเอสแอล
|
-16.26
|
-26.54
|
-14.48
|
จีเอ็มโอ-แซด คอม
|
-13.13
|
-156.83
|
-111.22
|
*** มีแค่ 5 บล.ที่กำไรยังโต
ขณะที่พบว่ามีเพียง 5 จาก 38 บล.ที่กำไรสุทธิยังเติบโต ได้แก่
5 โบรกเกอร์กำไรโต
|
บริษัทหลักทรัพย์
|
กำไร H1/62 (ลบ.)
|
กำไร H1/61 (ลบ.)
|
เคจีไอ
|
505.09
|
485.58
|
เจพีมอร์แกน
|
150.55
|
125.24
|
คันทรี่ กรุ๊ป
|
74.05
|
-27
|
เคทีบี
|
35.44
|
32.33
|
ไอ วี โกลบอล
|
4.57
|
-11.45
|
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มีกำไรสูงสุดของอุตสาหกรรม 505.09 ล้านบาท เติบโต 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป พลิกกำไรสูงสุด 74.05 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 27 ล้านบาท
*** รายย่อยหาย-วอลุ่มหด-ค่าคอมต่ำ ฉุดอุตสาหกรรม
"ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ" อดีตนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เผยว่า สาเหตุที่กำไรของ บล.ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพราะวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยครึ่งปีแรกอยู่ในระดับต่ำเพียง 4.8 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ระดับ 5.3 หมื่นล้านบาท ส่งผลต่อรายได้ค่านายหน้า ซึ่งเป็นรายได้หลักของ บล. ประกอบกับอัตราค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยปรับตัวลดลงเหลือเพียง 0.09% จากปีก่อนที่ 0.10% และปี 60 ที่ 0.11% สวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดําเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) ของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.79 เท่า จากปีก่อน 0.76 เท่า และปี 60 ที่ 0.75 เท่า
"ไพบูลย์ นลินทรางกูร" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ เสริมว่า "ค่าคอมฯ ที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายบริษัทกำไรเริ่มลดลง บางบริษัทถึงกับพลิกขาดทุน เหมือนกับว่าแข่งขันค่าคอมฯเพื่อให้มีลูกค้ามาเทรดมากขึ้น แต่สุดท้ายบริษัทได้แค่ตัวเลขมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น แต่กำไรลดลง ถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย และไม่เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมในระยะยาว"
ด้าน "มนตรี ศรไพศาล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ลดลงต่อเนื่องของตลาดหุ้นไทย ส่งผลต่อวอลุ่มการซื้อขาย และผลประกอบการของ บล. โดยล่าสุดสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยเหลือเพียง 33% จากสิ้นปีก่อนที่ 39% และสิ้นปี 60 ที่ 46.45%, สิ้นปี 59 ที่ 52.38%, สิ้นปี 58 ที่ระดับ 55.93% และสิ้นปี 57 ที่ 59.29% สาเหตุเกิดจากการเข้ามามีบทบาทของโปรแกรมซื้อขายอัตโนมัติ ที่มีความรวดเร็วในการซื้อขาย กระทบต่อโอกาสการทำกำไรของรายย่อย
*** "ภัทร" ขึ้นเบอร์ 1 มาร์เก็ตแชร์
สำหรับมาร์เก็ตแชร์มีการเปลี่ยนผู้นำอีกครั้ง โดยข้อมูลการซื้อขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (Year to date) บล.ภัทร ขึ้นมาอยู่ดับดับ 1 ด้วยสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ถึง 9.62% แทน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แชมป์เก่าปีก่อน โดย 10 อันดับมาร์เก็ตแชร์ บล.ล่าสุดประกอบด้วย
มาร์เก็ตแชร์โบรกเกอร์ 10 อันดับแรก
|
อันดับ
|
บล.
|
% มาร์เก็ตแชร์ YTD
|
บล.
|
% มาร์เก็ตแชร์ ปี 61
|
1
|
ภัทร
|
9.62
|
ดีบีเอสฯ
|
6.81
|
2
|
เมย์แบงก์ฯ
|
6.09
|
เมย์แบงก์ฯ
|
6.06
|
3
|
ฟินันเซียฯ
|
6.02
|
เอเชีย เวลท์
|
5.75
|
4
|
เครดิต สวิส
|
5.88
|
ซีแอลเอสเอ
|
5.37
|
5
|
คิงส์ฟอร์ด
|
5.62
|
ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี
|
5.26
|
6
|
ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี
|
5.54
|
ภัทร
|
4.65
|
7
|
ดีบีเอสฯ
|
4.93
|
บัวหลวง
|
4.6
|
8
|
บัวหลวง
|
4.16
|
เครดิต สวิส
|
4.41
|
9
|
ยูบีเอส
|
3.85
|
ฟินันเซียฯ
|
3.91
|
10
|
เจพีมอร์แกน
|
3.77
|
หยวนต้า
|
3.84
|
*** บล.เร่งปรับตัวหาทางรอด
"ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ" ระบุว่า ช่วง 1-2 ปีนี้อุตสาหกรรมโบรกเกอร์จะต้องเร่งปรับตัวรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงพฤติกรรมของนักลงทุน ระยะสั้นต้องลงทุนเพื่อหาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุดและอาจจะกระทบต้นทุนบ้าง แต่เป็นการลงทุนระยะยาว เพื่อยกระดับธุรกิจเข้าสู่ยุคถัดไป ซึ่งระยะสั้นอาจจะยังเห็นหลายบริษัทประสบภาวะกำไรลดลงหรือขาดทุน แต่ระยะยาวธุรกิจจะยังอยู่ได้ เพราะนักลงทุนทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ "ไพบูลย์ นลินทรางกูร" เผยว่า บล.ต้องหาจุดยืนทางธุรกิจให้ชัดเจนว่าจะเน้นจุดเด่นบริการด้านไหน ของทิสโก้จะเน้นบริการลูกค้าสถาบันมากขึ้น พัฒนาคุณภาพบทวิจัย ลงทุนฟินเทคเพื่อใช้นวัตกรรมเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น ขณะที่ลูกค้ารายย่อยก็จะเน้นทำในสิ่งที่มีอยู่ เพียงแต่จะเน้นการบริการและมีความใกล้ชิดในการแนะนำลูกค้ามากขึ้น โดยมองว่าในอนาคตโบรกเกอร์ที่ไม่มีจุดขายชัดเจนจะอยู่ยากขึ้นในอุตสาหกรรม
ฟาก "ช่วงชัย นะวงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า หลังจากนี้จะเน้นเทคโนโลยีการซื้อขายมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เน้นซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยตนเองมากขึ้น ขณะเดียวกันจะไม่หยุดพัฒนาคุณภาพด้านงานบริการต่างๆ โดยเฉพาะคุณภาพของบทวิเคราะห์
ด้าน "มนตรี ศรไพศาล" จะมุ่งเน้นขยายสินค้าและบริหารให้หลากหลายและครอบคลุมให้ลูกค้ามีทางเลือกการลงทุนมากที่สุด ขณะเดียวกันได้มีการพัฒนาบุคคลากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงลงทุนเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
*** สมาคมโบรกฯ เก็บค่า Fee ลูกค้าเพิ่ม ลดภาระต้นทุน
"พิเชษฐ สิทธิอำนวย" นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ระบุว่า ภาวะการแข่งขันสูงในปัจจุบัน เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของ บล. สมาคมมีมติเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จากลูกค้าทั่วไปแบบแยกรายการ (Unbundled Fee) โดยแยกรายการค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และรายการค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บโดยหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ บล.เป็นผู้รับภาระดังกล่าว โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย.63 เป็นต้นไป ประกอบด้วย
ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์จากลูกค้าทั่วไป เริ่ม 1 เม.ย.63
|
รายการ
|
อัตรา
|
หน่วยงานที่เรียกเก็บ
|
ค่านายหน้า
(Brokerage Fee)
|
ตามที่ บล.กำหนด
|
บริษัทหลักทรัพย์
|
ค่าธรรมเนียมตลาดฯ
(Trading Fee)
|
0.005%
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯ
|
ค่าธรรมเนียมชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ฯ (Clearing Fee)
|
0.001%
|
บ. สำนักหักบัญชี
|
ค่าธรรมเนียมการกำกับดูแล
(Regulatory Fee)
|
0.001%
|
สำนักงาน ก.ล.ต.
|
ค่าธรรมเนียมธนาคาร ATS
(Bank Fee)
|
14 บาท
|
ธนาคารและ บ. Finnet
|