นายกฯ ประกาศเคอร์ฟิวทั่วราชอาณาจักร ห้ามออกจากบ้าน 22.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป ระบุผู้ใดฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท วอนทุกฝ่ายร่วมมือ เฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด ขณะที่ขอความร่วมมือคนไทยในต่างประเทศ ชะลอเข้าประเทศ ด้านโบรกฯมองเคอร์ฟิว ดีต่อตลาดหุ้นระยะสั้น จับตาข้อกำหนดที่เข้มขึ้น
*** ประกาศ 'เคอร์ฟิว' ห้ามออกจากบ้าน 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่ม 3 เม.ย.นี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.)ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ทั่วประเทศ เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
รวมถึงการเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรค หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เวลา 22.00 น.
“ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และกักตุนสินค้า เพราะยังซื้อสินค้าได้ตามปกติในเวลากลางวัน แต่ต้องเคร่งครัดในเรื่องระยะห่างทางสังคม”พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหรดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548
2.ในกรณีที่มีการประกาศหรือสั่ง ห้าม เตือนหรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 สำหรับจังหวัด พื้นที่ หรือสถานที่ใดโดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไป
3.ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใด ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯจัดที่เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
*** วอนทุกฝ่ายร่วมมือเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด เชื่อคุมสถานการณ์ได้
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดต่อสุขภาพต่อพี่น้องประชาชน โดยเน้นมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ รวมทั้งปฏิบัติตนตามคำแนะนำของหมอ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับความเร่งด่วน ในการสนับสนุน หน้ากากอนามัย เวชภัณฑ์อย่างทันการณ์และทั่วถึงในโรงพยาบาลทุกพื้นที่
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เราต้องมีระบบการกระจายที่มีประสิทธิภาพ ขาดแคลนไม่ได้ ซึ่งจะติดตามด้วยตนเอง เพื่อให้ทีมหมอ และพยาบาลที่เหมือนนักรบที่อยู่แล้วหน้า ที่คอยต่อสู้และสกัดกั้นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยความเสียสละและอดทน ผมในฐานะแม่ทัพ จะไม่ยอมให้กำลังหลักต้องต่อสู้ภายใต้ความขาดแคลนอย่างเด็ดขาด และต้องมีขวัญและกำลังใจที่เข้มแข็ง ผมขอยืนยันเรามียาที่จำเป็นและรักษาอย่างเพียงพอ”พลเอกประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนั้น เรายังมีความพร้อมเรื่องของเตียงผู้ป่วย เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลทุกสังกัด รวมถึงโรงแรม ขอให้เชื่อมั่นว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทุกคนมีเตียงและยาในการดูแลรักษาตามมาตรฐานสากล ผู้ป่วยด้วยโรคนี้ รัฐบาลถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินดังนั้นจะมี 3 กองทุน คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนรักษาพยาบาลประกันสังคม และกองทุนรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายการรักษาให้
“ในด้านการป้องกันและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการรักษาความมั่นคง เรายึดหลักสุขภาพนำเสรีภาพ โดยมีเป้าหมายคือจำกัดการเดินทาง การเคลื่อนย้ายคน และจำกัดการรวมตัวของคน ของคนจำนวนมากในพื้นที่เสี่ยง การแพร่ระบาดต่างๆ จะต้องออกมาตรการที่เข้มงวดและสอดคล้องตามสถานการณ์ และคำแนะนำทางการแพทย์ ปัจจุบันบางจังหวัดได้ยกระดับมาตรการทางการปกครอง เช่น การกำหนดเวลาเปิด-ปิดร้านค้า และเวลาออกจากบ้านเพิ่มเติมแล้ว เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดให้ได้ ได้แก่ จ.ชายแดนภาคใต้ และภูเก็ต เป็นต้น”พลเอกประยุทธ์ กล่าว
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ออกมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับประชาชนทุกกลุ่ม และผู้ประกอบการ เช่น การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า การใช้น้ำ ลดค่าน้ำค่าไฟเป็นเวลา 3 เดือน การพักชำระหนี้ การช่วยเหลือเงิน 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน ลดจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 1% เป็นต้น
*** ขอให้ปชช. ที่จะเดินทางกลับไทย ให้ชะลอเดินทาง
ด้านการต่างประเทศ ศบค.ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อดำเนินมาตรการการเดินทางเข้าออกในประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ โดยยกระดับการคัดกรอง คนเดินทางเข้าออก ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติมเข้ามาอีก นับตั้งแต่ที่ประกาศ พบว่า มีชาวต่างชาติที่ได้รับการยกเว้นตามข้อกำหนด เช่น คณะทูต ผู้มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย หรือลูกเรือเท่านั้น
“ด้านคนไทยในต่างแดนจะไม่ทอดทิ้ง จะหาทางแก้ไขปัญหาจะได้รับการดูแล หากต้องการกลับเมืองไทยจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง การกักตัว และการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น”พลเอกประยุทธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ขอความร่วมมือให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันนี้-15 เมษายน เพื่อรักษาสุขภาพทั้งคนไทยในประเทศ และท่านที่จะเดินทางกลับเพื่อให้เจ้าหน้าที่เตรียมการ จัดระเบียบที่เหมาะสม แต่หากมีความจำเป็นให้ไปที่สถานทูต หรือสถานกงศุลโดยทันที
ด้านการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ไม่สับสน สร้างความขัดแย้ง ให้มีระบบการสื่อสารให้มีเอกภาพเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีการแถลงข่าวในทุกช่องทางเป็นประจำหลังการประชุมในช่วงเช้า โดยโฆษกศูนย์เท่านั้น และขอยกเว้นการให้สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง ห้ามการสื่อสารก่อให้เกิดความขัดแย้ง ข่าวปลอม การส่งต่อข่าวปลอมทั้งไม่เจตนา ที่มีผลต่อความมั่นคง จะมีโทษตามสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างหนัก โดยเราจะต้องไม่ส่งต่อข้อมูลที่ไม่สร้างสรรค์
“เป้าหมายร่วมกันของเราคือการขจัดโรคภัยเชื้อร้ายนี้ให้เร็วที่สุดและทุกคนปลอดภัย ดังนั้นเราจะต้องไม่ประมาท ต้องร่วมมือกัน ไม่ปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับทุกท่านที่จะทำให้ตัวเลขลดลงและเป็นศูนย์ให้ได้ในเร็ววัน เราต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างไม่ลดละ ต้องบังคับใช้มาตรการต่างๆเข้มงวด ต่อเนื่องและเหมาะสม และหากจำเป็นต้องยกระดับในบางพื้นที่ ขอย้ำว่าให้ประชาชนร่วมมือปฏิบัติตนในการแยกตัวอยู่บ้าน ตามคำแนะนำทางการแพทย์”พลเอกประยุทธ์ กล่าว
*** สั่งการให้ทำความเข้าใจทุกช่องทาง สร้างความมั่นใจให้ประชาชน
นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ ได้หารือ และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการรองรับทางเศรษฐกิจโดยต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ครบถ้วน เช่น ตราสารหุ้น การบรรเทาหนี้ การดำเนินการระบบภาษี ลดภาษี เมื่อสถานการณ์ยุติ ต้องมีมาตรการเพื่อการฟื้นฟู ด้านการลงทุนต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ทั้งนี้ การดำเนินการในส่วนของงบประมาณ ต้องเป็นการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งค่อนข้างมีขั้นตอน ละเอียด และต้องใช้เวลา
ด้านสินค้าทางการแพทย์ เตียง หน้ากาก N95 ชุด PPE นายกรัฐมนตรีสั่งการให้จัดหาให้เพียงพอต่อความต้องการ และส่วนการนำเข้าสินค้าทางการแพทย์ มีขั้นตอนในการดำเนินการ แต่เรื่องภาษีนำเข้าได้รับการแก้ไขแล้ว การจะซื้อสินค้าผ่านระบบ G to G เช่น กับประเทศจีน มีขั้นตอนที่ประเทศจีนจะต้องรับรองบริษัทจึงจะผ่านระบบได้ จึงเป็นส่วนที่ต้องทำความเข้าใจกับสังคม ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยแจ้งว่าได้ดำเนินการร่วมการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริหารจัดการด้านการขนส่ง และกระจายหน้ากากอนามัยผ่านระบบการสื่อสาร เพื่อหน้ากากอนามัยถึงปลายทางโดยเรียบร้อย
พลเอกประยุทธ์ ยังได้ขอให้ทุกหน่วยงานทำความเข้าใจกับประชาชน ในการดำเนินการส่วนหนึ่งส่วนใด มีกฎระเบียบ ขั้นตอน รายละเอียดปลีกย่อย ที่ต้องร่วมพิจารณา เพราอาจเกิดผลกระทบต่อส่วนรวมได้ จึงขอให้ทุกหน่วยงานสร้างความเข้าใจกับประชาชน ผ่านทุกช่องทางการสื่อสารของรัฐ เช่น เพจไทยคู่ฟ้า ไม่ให้เกิดการบิดเบือน เป็นประเด็นทาง Social Media ในส่วนของผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล ยังรวมกลุ่ม นั่งดื่ม ขอให้หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายพิจารณาลงโทษอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด
ด้านการเดินทางเข้าประเทศไทยนั้น ได้สั่งการให้ชะลอการเดินทางจากต่างประเทศจนถึง 15 เมษายน เพื่อเตรียมพื้นที่ State Quarantine และเพื่อให้ทุกคนผ่านการประเมินทางสุขภาพอย่างครบถ้วน ในการเดินทางผู้เดินทางต้องมีเอกสารกรอกข้อมูลการเข้าประเทศ ผ่านการประเมินสุขภาพ มีเอกสาร fit to fly และสั่งการให้ ศบค. นำข้อมูลมาวิเคราะห์ วางแผนให้ถี่ถ้วน เพราะเมื่อเดินทางเข้าประเทศมาแล้ว จะต้องหามาตรการมาควบคุมให้รัดกุม แก้ปัญหาบุคคลเสี่ยงที่หายไประหว่างเดินทางไปยังสถานที่ Quarantine หรือที่พัก
ส่วนการกลับประเทศไทยของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ขอให้ชะลอตามที่แจ้งข้างต้น และพิจารณาพื้นที่รองรับการทำ State Quarantine สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบไปยังต้นทางการเดินทางว่ามีนักเรียนจำนวนเท่าไหร่ จัดให้ทะยอยกลับ เพื่อให้พื้นที่รองรับสู่ State Quarantine เพียงพอ
ทั้งนี้ เข้าใจดีถึงความกังวลของนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครองที่อยากเดินทางกลับประเทศ จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณสุข และมหาดไทยร่วมดูแล ให้มีแนวทางรองรับที่ชัดเจน มาตรการป้องกัน และช่วยเหลือประชาชนภายในประเทศ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยควบคุมด่านไม่ให้เกิดความแออัด ซึ่งขณะนี้ด่านทางบกปิดหมดแล้ว แต่ยังมีคนมารอเข้า-ออก และควบคุมพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด กระทรวงมหาดไทยแจ้งด้วยว่าพร้อมดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชนผ่านหอกระจายข่าว
*** บล.โนมูระ มองเคอร์ฟิว ดีต่อตลาดหุ้นระยะสั้น จับตาข้อกำหนดที่เข้มขึ้น
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัท โนมูระ พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลเตรียมประกาศยกระดับความเข้มข้น หรือประกาศเคอร์ฟิวนั้น มองว่า จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนรับข่าวไปพอสมควรว่าจะมีมาตรการเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากนี้มากกว่า ที่นักลงทุนจะให้ความสนใจ ว่าข้อกำหนดจะมีอะไรบ้าง รวมถึงการยกระดับในขั้นถัดไปด้วย
ส่วนวันนี้ที่มีข่าว PTTOR เข้ามา ตลาดตอบรับค่อนข้างดี และเป็นบวกต่อกลุ่ม PTT ทั้งหมด แต่สิ่งที่ยังต้องติดตามคือ จะมีขั้นตอนต่อไปยังไง ราคาเท่าไหร่ที่ยังต้องติดตาม
สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุน ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง และผลประกอบการยังไม่โดดเด่น ดังนั้นในกลุ่มพลังงานยังแนะนำขายเก็งกำไร ส่วนหุ้นที่น่าจะได้รับผลตอบตอนนี้ เช่น CPALL ADVANC CPF เป็นต้น
ด้านดัชนีหุ้นไทยหลังจากนี้ประเมินแนวรับที่ 1,110/1,115 จุด และแนวต้านที่ 1,150/1,164 จุด
*** บล.กสิกรไทย ชี้เป็นบวกต่อตลาดหุ้นระยะกลาง-ยาว
นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายกฯ จะประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน 22.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากการควบคุมไม่ให้ไวรัสโควิด-19 ลุกลามเป็นสิ่งที่ดี โดยมองว่าเป็นบวกในระยะกลาง-ยาว มากกว่า
มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยมีแนวต้านถัดที่ 1,142 จุด และ 1,170 จุด ส่วนแนวรับประเมินที่ 1,116 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านเดิม และแนวรับ 1,091 จุด แนะนำหุ้นที่มี Upside ดี ได้แก่ ADVANC ,STA,CPALL,BJC,RBF,RATCH,EPCO,SCCC และ BAM