บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ประกอบธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์ม และพลังงานทดแทน กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 30 ก.ย.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายยาง-น้ำมันปาล์ม-พลังงานทดแทน
บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ประกอบธุรกิจ โดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่ ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ ,ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์
ผ่านการดำเนินงาน 11 บริษัทย่อย และการร่วมค้า 1 บริษัท ได้แก่
ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 6 บริษัท
ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 3 บริษัท
ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน 2 บริษัท
ธุรกิจโลจิสติกส์ 1 บริษัท
2.ขายไอพีโอจำนวน 270 ล้านหุ้น คิดเป็น 25%
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 270,000,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
3.เคาะราคาไอพีโอ 4.80 บาท คิดเป็น P/E ที่ 7.7 เท่า
ราคาเสนอขายหุ้นละ 4.80 บาท คำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ Q3/64 ถึง Q2/65) เท่ากับ 671.8 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 1,080 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.6 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ประมาณ 7.7 เท่า
เทียบ P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกัน ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ก.ค.64 ถึง มิ.ย.65)
บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) มี P/E Ratio ที่ 6.7 เท่า
บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) มี P/E Ratio ที่ 3.8 เท่า
บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (TRUBB) มี P/E Ratio ที่ 3.8 เท่า
บมจ.ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม (UVAN) มี P/E Ratio ที่ 6.4 เท่า
บมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (UPOIC) มี P/E Ratio ที่ 5.6 เท่า
บมจ.วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ (VPO) มี P/E Ratio ที่ 19.2 เท่า
บมจ.ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (CPI) มี P/E Ratio ที่ 6.8 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 270 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 1,080 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 1.00 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 3.05 บาท/หุ้น สิ้นมิ.ย.65
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 30 ก.ย.นี้
หมวดธุรกิจ : เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.กสิกรไทย,บล.ทรีนีตี้
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย),บล.เอเซีย พลัส,บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น

4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินขยายกำลังการผลิต

6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 4.87% งวด 6 เดือน ปี 65
รายได้และกำไรของ TEGH ตั้งแต่ปี 63-64 และ 6 เดือน ปี 65 เป็นดังนี้
|
ปี 63 |
ปี 64 |
6 เดือน ปี 65 |
รายได้รวม (ลบ.) |
8,196.2 |
11,087.8 |
7,536.8 |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
37.65 |
562.64 |
367.28 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
0.46% |
5.07% |
4.87% |
7.มี D/E อยู่ที่ 1.72 เท่า
TEGH มีระดับ D/E สิ้นมิ.ย.65 อยู่ที่ 1.72 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้นมิ.ย.65 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 6,741.70 ลบ.
หนี้สินรวม : 4,266.45 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 2,475.25 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 1.72 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 10.16%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) : 29.47%
8.หลังไอพีโอ บริษัท ทีอีจี แอสเซท จำกัด ยังถือหุ้นใหญ่ 37.5%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว บริษัท ทีอีจี แอสเซท จำกัด ยังคงถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 37.5% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

9.จำนวนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period เท่ากับ 216 ล้านหุ้น คิดเป็น 20%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period จำนวน 216,000,000 หุ้น หรือร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่นทุนในครั้งนี้