บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ประกอบธุรกิจ ผู้ผลิตและจำหน่าย Jele, Bento, โลตัส กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 20 ก.ค.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว
เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยมากว่า 30 ปี โดยมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ
กลุ่มเครื่องดื่ม ประกอบด้วย เจเล่ คูลลี่คูล ไดยาโมโตะ ฮีโร่บอยส์ และอควาวิตซ์ โดยเฉพาะเจเล่ มีส่วนแบ่งถึง 70% ของตลาดเยลลี่พร้อมดื่ม
กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ประกอบด้วย เบนโตะ ทาโกะ โลตัส ช๊อคกี้ และเบเกอรี่เฮาส์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งทั้งด้านความหลากหลายของแบรนด์และแต่ละผลิตภัณฑ์ยังเป็นผู้นำเทรนด์ของตลาด
ขณะที่มีโรงงานผลิตทั้งหมด 6 แห่ง แบ่งเป็นในไทย 4 แห่ง และในต่างประเทศ 2 แห่ง คือ กัมพูชา และเวียดนาม
ผลิตภัณฑ์ของ SNNP เป็นที่รู้จักในผู้บริโภคชาวไทยและต่างชาติ ส่งออกไปใน 35 ประเทศ รายได้ในประเทศ 78.2% รายได้ต่างประเทศ 21.8%
2.ขายไอพีโอจำนวน 240 ล้านหุ้น คิดเป็น 25%
เสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวน 240,000,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
3.เคาะราคาไอพีโอ 9.20 บาท
การกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ของหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จะกระทําผ่านการสํารวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book building) โดยช่วงราคาอยู่ที่ระหว่างราคา 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย จะพิจารณาร่วมกันในการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 78.7–83.2 เท่า
เทียบ P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกันหรือใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ เฉลี่ย 29.1 เท่า อ้างอิงข้อมูลในช่วงระยะเวลา 12 เดือนย้อนหลังล่าสุดนับจาก 23 มิ.ย.63-22 มิ.ย.64 ดังนี้
บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) มี P/E Ratio เท่ากับ 37 เท่า
บมจ.โอสถสภา (OSP) มี P/E Ratio เท่ากับ 31.9 เท่า
บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) มี P/E Ratio เท่ากับ 29.8 เท่า
บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) มี P/E Ratio เท่ากับ 43.6 เท่า
บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) มี P/E Ratio เท่ากับ 19.2 เท่า
บมจ.พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง (PM) มี P/E Ratio เท่ากับ 13.3 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 240 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 960 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Pofit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 0.89 บาท/หุ้น สิ้นมี.ค.64
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 20 ก.ค.64
หมวดธุรกิจ : อาหารและเครื่องดื่ม
ที่ปรึกษาทางการเงิน : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.ไทยพาณิชย์,บล.เคทีบีเอสที , บล.กรุงศรี , บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย),บล.คันทรี่กรุ๊ป และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 105.57 ล้านหุ้น 44%
ผู้ลงทุนสถาบัน และนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ 91 ล้านหุ้น 37.9%
ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 36 ล้านหุ้น 15%
กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัทฯ 7.42 ล้านหุ้น 3.1%
4."ธนาคารไทยพาณิชย์" มีความสัมพันธ์เป็นเจ้าหนี้
บริษัทฯ มีการใช้วงเงินสินเชื่อกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทฯ ในการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ โดย ณ 31 มี.ค.64 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อระยะสั้นและระยะยาวกับ SCB จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,080 ล้านบาท โดยมียอดคงค้างรวมทั้งสิ้น 619 ล้านบาท
5.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
6.นำเงินระดมทุนขยายลงทุนในเวียดนาม

7.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 13.90% (งวด 3 เดือน ปี 64)
รายได้และกำไรของ SNNP ตั้งแต่ปี 61-63 และ 3 เดือน ปี 64 เป็นดังนี้
|
ปี 61 |
ปี 62 |
ปี 63 |
3 เดือน ปี 64 |
รายได้(ลบ.) |
4,886.9 |
4,749 |
4,435.7 |
1,238.6 |
รายได้(ลบ.) |
249.7 |
83.8 |
74.2 |
172 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) |
5.11 |
1.76 |
1.67 |
13.90 |
8.มี D/E อยู่ที่ 4.88 เท่า
SNNP มีระดับ D/E สิ้นมี.ค.64 อยู่ที่ 4.88 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้นมี.ค.64 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 3,782.4 ลบ.
หนี้สินรวม : 3,139.3 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 643.1 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 4.88 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) :17.76%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) :124.84%
9.หลังไอพีโอ Concord I. Capital Limited ยังถือหุ้นใหญ่ 20.63%
ทั้งนี้ Concord I. Capital Limited ถือหุ้นโดย นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล 35% นางธัญนีย์ ไกรพิสิทธิ์กุล 35% น.ส.ธัณฐภรณ์ ไกรพิสิทธิ์กุล,นายปิยวัฒน์ ไกรพิสิทธิ์กุล และนายธนวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ถือหุ้นคนละ 10%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว กลุ่ม Concord I. Capital Limited ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 20.63% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

10.สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 156.50 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.3%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period จำนวน 156,500,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 16.3 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้