IPO Corner

9 ข้อน่ารู้ 'ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง' (RT) รับเหมาก่อสร้างงานด้านธรณีเทคนิค

9 ข้อน่ารู้ 'ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง' (RT) รับเหมาก่อสร้างงานด้านธรณีเทคนิค

บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ประกอบธุรกิจ รับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา และธรณีเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีระดับสูง กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 12 พ.ย.นี้


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน

 

1.ดำเนินธุรกิจ รับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา ธรณีเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีระดับสูง

 

บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ก่อตั้งเมื่อ 6 ต.ค.2543 โดยนายชวลิต ถนอมถิ่น และกลุ่มเพื่อนนักธรณีวิทยาและวิศวกร เพื่อดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานด้านธรณีเทคนิค ประกอบธุรกิจ รับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา และธรณีเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีระดับสูง ได้แก่ งานก่อสร้างอุโมงค์ งานระเบิดหิน งานขุดเจาะโดยไม่ใช้ระเบิด งานพัฒนาเหมือง งานเจาะสำรวจ งานคอนกรีตโครงสร้าง งานวิศวกรรมโยธาทั่วไปและงานด้านธรณีวิทยา

โดยเน้นงานขุดระเบิดหิน งานก่อสร้างอุโมงค์ในหินแข็ง งานก่อสร้างโครงการแรกของบริษัทเป็นงานก่อสร้างอุโมงค์ขนาด 3.0 เมตร ในโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองท่าด่าน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครนายก ความยาวรวมทั้งสิ้น 1,910 เมตร ต่อมาบริษัทได้ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท

บริษัทดำเนินงานก่อสร้างจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมชลประทาน การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงงานก่อสร้างจากภาคเอกชน ซึ่งเป็นงานก่อสร้างงานอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน งานก่อสร้างเขื่อน งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินวิธีดันท่อและวิธีเจาะและดึงท่อ รวมทั้งงานก่อสร้างด้านอื่นๆ เช่น งานป้องกันและเสริมเสถียรภาพทางลาด งานขุดดินและหิน  งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา งานปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีอัดฉีดน้ำปูน งานเหมืองแร่ งานถนน และงานวางรางรถไฟ

 

2.ขายไอพีโอ 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.27%

 

เสนอขายหุ้นทั้งหมด 300,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้

 

3.เคาะราคาไอพีโอ 1.92 บาท คิดเป็น P/E ที่ 9.20 เท่า

 

กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 1.92 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) เท่ากับ 9.20 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิส่วน
ของบริษัทใหญ่เท่ากับ 229.47 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 1,100 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.21 บาท

เนื่องจากไม่มีบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจในลักษณะเดียวกับกับธุรกิจของบริษัท จึงขอแสดงอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนซึ่งประกอบธุรกิจรับเหมาเฉพาะทาง ด้านโครงสร้างใต้ดินและงานฐานราก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มี P/E เฉลี่ย อยู่ที่ 10.09 เท่า ดังนี้
 

บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO (P/E Ratio) เท่ากับ 11.49 เท่า 
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON (P/E Ratio) เท่ากับ 10.31 เท่า

ขายหุ้นไอพีโอ : ทั้งหมดไม่เกิน 300,000,000 หุ้น คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโอที่อยู่ที่  1,100 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 0.91 บาท/หุ้น (คำนวณ ณ วันที่ 30 มิ.ย.63)
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 12 พ.ย.63
หมวดธุรกิจ : อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย :  บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
 

บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 195,000,000  หุ้น (65%)
นักลงทุนสถาบัน 30,000,000 หุ้น (10%)
ผู้มีอุปการคุณของบริษัทและบริษัทย่อย 45,000,000 หุ้น (15%)
กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 30,000,000 หุ้น (10%)

 

4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

 

บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น

 

5.นำเงินลงทุนในเครื่องจักร ยานพาหนะ เครื่องมืออุปกรณ์

 

บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ไปใช้ดังต่อไปนี้
 

 

 

6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ 9.47% (สิ้นมิ.ย.63)

 

รายได้และกำไรสุทธิของ RT ตั้งแต่ปี 60 - 6 เดือนแรกปี 63 เป็นดังนี้

 

  ปี 60 ปี 61 ปี 62 สิ้นมิ.ย.63
รายได้(ลบ.) 2,503.43 1,889.69 2,366.27 1,450.49
กำไรสุทธิ(ลบ.) 52.70  (65.21)  130.66 137.32
อัตรากำไรสุทธิ(%) 2.10  (3.45)  5.52 9.47

 

งวด 6 เดือน ปี 63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 137.32 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.47% เป็นผลจากโครงการในต้นปี 63 ที่ยังมีกำไรขั้นต้นสูงในหลายโครงการใหญ่ๆ ทั้งโครงการในต่างประเทศและโครงการในประเทศ ประกอบกับเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนค่าใช้จ่ายบริหารต่อรายได้พบว่าค่าใช้จ่ายในการบริหารมีสัดส่วนลดลงใน

ขณะเดียวกันบริษัทก็สามารถบริหารต้นทุนในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้การบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น เนื่องจากมีเครื่องจักรบางรายการที่ตัดค่าเสื่อมราคาหมดแล้วแต่ยังใช้งานอยู่ในโครงการ  และการลดลงของสัดส่วนของเงินเดือนสำนักงานต่อรายได้ลดลง และสัดส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว

 

7.มี D/E อยู่ที่ 4.33 เท่า

 

RT มีระดับ D/E ณ สิ้นมิ.ย.63 อยู่ที่ 4.33 เท่า

งบแสดงฐานะการเงิน  ณ สิ้นมิ.ย.63 ดังนี้

สินทรัพย์รวม : 3,874.08 ลบ.
หนี้สินรวม : 3,147.42 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น :  726.66 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 4.33 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 7.22%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) : 41.80%

 

8.หลังไอพีโอนายชวลิต ถนอมถิ่น ยังถือหุ้นใหญ่ 16.10% 


หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้วนายชวลิต ถนอมถิ่น ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 16.10% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้
 

 

9.หุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร ติด Silent Period ทั้งหมด

 

บริษัทฯ ระบุในไฟลิ่งว่า ไม่มีสัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period







ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh