บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC ประกอบธุรกิจ คลังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรับ เก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 15 ก.พ.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ คลังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรับ เก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง
บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC ประกอบธุรกิจ คลังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรับ เก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง
PTC ทำธุรกิจคลังน้ำมันอิสระ 2 แห่ง ในจ.ขอนแก่น และศรีสะเกษ ครอบคลุมการกระจายน้ำมันทั่วภาคอีสาน มี 2 บริการหลัก คือ
1.บริการับ เก็บ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ลูกค้าหลักของ PTC คือผู้ค้าน้ำมันแบรนด์ต่างๆ ที่มาเช่าคลัง ส่วนลูกค้าทางอ้อมคือสถานีบริการน้ำมัน
2.บริการผสมน้ำมันตามสูตร ที่คลัง PTC ศรีสะเกษ
คลัง PTC ทั้ง 2 แห่ง เป็นคลังใหม่ ทันสมัยที่สุดในภาคอีสาน ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมทั้งอีสานตอนบนและตอนล่าง มีสัญญาเช่ากับ OR ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในไทย
โครงการในอนาคต คือการสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟที่คลังศรีสะเกษ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันของลูกค้า
2.ขายไอพีโอจำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.83%
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 110,000,000 หุ้น คิดเป็น 26.83% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
3.เคาะราคาไอพีโอ 3.50 บาท คิดเป็น P/E ที่ 13.81 เท่า
ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 13.81 เท่า คำนวณจากผลกำไรสุทธิช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (30 ก.ย.63 ถึง 30 ก.ย.64) ซึ่งเท่ากับ 103.93 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ทั้งหมดจำนวน 410 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุุ้นเท่ากับ 0.25 บาทต่อหุ้น
เทียบ P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน ในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18.89 เท่า ดังนี้
1.บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) มี P/E Ratio ที่ 13.44 เท่า
2.บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) มี P/E Ratio ที่ 24.91 เท่า
3.บมจ.ซัสโก้ (SUSCO) มี P/E Ratio ที่ 10.65 เท่า
4.บมจ.ซีออยล์ (SEAOIL) มี P/E Ratio ที่ 23.95 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.83% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 410 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 1.36 บาท/หุ้น สิ้น ก.ย.64
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 15 ก.พ.นี้
หมวดธุรกิจ : ทรัพยากร
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด
ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.ฟินันซ่า,บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.เอเชีย เวลท์ และบล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 99,010,000 หุ้น
ผู้มีอุปการคุณ 6,600,000 หุ้น
พนักงาน กรรมการ และผู้บริหารของบริษัท 4,390,000 หุ้น
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินลงทุนเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้จำนวนประมาณ 368.38 ล้านบาท (ภายหลังหักค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง) เพื่อไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังนี้
6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 43.33% (งวด 9 เดือน ปี 64)
รายได้ของ PTC เป็นรายได้ที่เกิดจากการให้บริการ รับ-เก็บ-จ่าย-ผสม ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้น้ำมัน และมีอัตรากำไรสุทธิกว่า 40%
รายได้และกำไรของ PTC ตั้งแต่ปี 62-63 และงวด 9 เดือน ปี 64 เป็นดังนี้
|
ปี 62 |
ปี 63 |
9 เดือน ปี 64 |
รายได้จากการให้เช่า-บริการ (ลบ.) |
176.84 |
253.39 |
166.29 |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
55.43 |
111.06 |
72.23 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
31.28 |
43.76 |
43.33 |
7.มี D/E อยู่ที่ 0.47 เท่า
PTC มีระดับ D/E สิ้น ก.ย.64 อยู่ที่ 0.47 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้น ก.ย.64 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 556.34 ลบ.
หนี้สินรวม : 119.07 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 407.06 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 0.47 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 15.73%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) :25.96 %
8.หลังไอพีโอ กลุ่มครอบครัวผู้บริหาร ยังถือหุ้นใหญ่ 51.16%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว กลุ่มครอบครัวผู้บริหาร ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 51.16% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้
9.จำนวนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period เท่ากับ 48.36 ล้านหุ้น คิดเป็น 11.79%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period : จำนวน 48.36 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.79 ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้