บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ประกอบธุรกิจ ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาฯ
บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ประกอบธุรกิจ โดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แก่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร (One Stop Service)
โดยแบ่งธุรกิจได้เป็น 3 กลุ่ม
1.ธุรกิจที่ปรึกษาและออกแบบทางวิศวกรรม (Pre-Living Services) บริการที่ปรึกษา ควบคุมงานก่อสร้าง จัดฝึกอบรม ออกแบบด้านสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง และงานโยธา
2.ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาฯ (Living Services) เช่น นิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
3.ธุรกิจให้บริการหลังการขายอสังหาฯ (Living & Earning Services) บริการออกแบบ ตกแต่งภายใน และบริการทำความสะอาด
2.ขายไอพีโอจำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 25%
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 80,000,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
3.เคาะราคาไอพีโอ 15 บาท คิดเป็น P/E ที่ 24.19 เท่า
ราคาเสนอขายหุ้นละ 15.00 บาท หากพิจารณากำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ต.ค.64-ก.ย.65) ซึ่งเท่ากับ 198.89 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้จำนวน 320 ล้านหุ้น (Post-IPO Dilution) เท่ากับ 0.62 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 24.19 เท่า
เนื่องจากไม่มีบริษัทใดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถเปรียบเทียบกับบริษัทฯ ในด้านการประกอบธุรกิจ ดังนั้น จึงแสดง P/E ของตลาด mai ซึ่งมีค่าเท่ากับ 57.74 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 25%
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 320 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 1.44 บาท/หุ้น งวด 9 เดือน ปี 65
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้
หมวดธุรกิจ : กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด
ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.เอเซีย พลัส
ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย),บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ,บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) และบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 64 ล้านหุ้น 80%
นักลงทุนสถาบัน 16 ล้านหุ้น 20%
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินลงทุนขยายกิจการ-พัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการลูกค้า

6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 25.82% งวด 9 เดือน ปี 65
รายได้และกำไรของ PRI ตั้งแต่ปี 63-64 และ 9 เดือน ปี 65 เป็นดังนี้
|
ปี 63
|
ปี 64
|
9 เดือน ปี 65
|
รายได้รวม (ลบ.) |
266.51 |
489.56 |
604.26 |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
40.05 |
111.25 |
156.02 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
15.03 |
22.72 |
25.82 |
7.มี D/E อยู่ที่ 0.32 เท่า
PRI มีระดับ D/E งวด 9 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 0.32 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้นก.ย.65 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 454.38 ลบ.
หนี้สินรวม : 109.98 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 344.40 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 0.32 เท่า
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) : 61.62%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) : 81.20%
8.หลังไอพีโอ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ยังถือหุ้นใหญ่ 75%

หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ยังคงถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 75% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้
9.สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 63,999,960 หุ้น คิดเป็น 20%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 63,999,960 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้