บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR บริษัทลูกของเครือ ปตท.ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ (คาดการณ์)
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง OR เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้า
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่
โครงสร้างธุรกิจประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก
1. ธุรกิจน้ำมัน สัดส่วนรายได้ 90.8%
2. ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-oil) สัดส่วนรายได้ 3.8%
3. ธุรกิจต่างประเทศ สัดส่วนรายได้ 5%
ธุรกิจน้ำมัน มีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station กว่า 1,900 สาขาทั่วไทย, ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ ทั้งกลุ่มอากาศยาน เรือขนส่ง อุตสาหกรรม ลูกค้าภาคครัวเรือน (PTT LPG), ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto
ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-oil) ครอบคลุมทั้งธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ Cafe Amazon ,Texas Chicken, Hua Seng Hong Dimsum, Pearly Tea และร้านสะดวกซื้่อ Jiffy
ธุรกิจต่างประเทศ เป็นการต่อยอดสายธุรกิจ PTT Station ,Cafe Amazon, Jiffy และ FIT Auto ไปยังประเทศ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน สิงคโปร์ โอมาน ญี่ปุ่น มาเลเซีย
2.ขายไอพีโอ 2,610, ล้านหุ้น คิดเป็น 22.5% มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 390 ล้านหุ้น
เสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 2,610,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 22.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) หรือ กรีนชู จำนวน 390,000,000 หุ้น
ขายหุ้นไอพีโอ : ทั้งหมดไม่เกิน 2,610 ล้านหุ้น คิดเป็น 22.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 12,000 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 10 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี (adjusted book value) : 12.11 บาท/หุ้น (สิ้นก.ย.63)
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 11 ก.พ.64 (คาดการณ์)
หมวดธุรกิจ : พลังงานและสาธารณูปโภค
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น : 24 ม.ค.-2 ก.พ.ให้รายย่อยจองซื้อหุ้นได้แม้ไม่มีพอร์ตหุ้น ,25-28 ม.ค.ผู้ถือหุ้น PTT ที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น ,3-5 ก.พ.ผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคล
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.บัวหลวง,บล.ฟินันซ่า,บล.กสิกรไทย,บล.เกียรตินาคินภัทร,บล.ทิสโก้
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.บัวหลวง,บล.ฟินันซ่า,บล.กสิกรไทย,บล.เกียรตินาคินภัทร,บล.ทิสโก้
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวนไม่เกิน 300,000,000 หุ้น เสนอขายต่อผู้ลงทุนที่จองซื้อในประเทศจำนวนรวม 1,860,000,000 หุ้น และเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันที่จองซื้อในต่างประเทศ จำนวนรวมกัน 450,000,000 หุ้น

3.กำหนดช่วงราคาขายไอพีโอที่ 16 - 18 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E ที่ 23.9 – 26.9 เท่า
ราคาไอพีโอ 16-18 บาท ประกาศราคาสุด 3 ก.พ.64 อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 23.9 – 26.9 เท่า คำนวณจากช่วงราคาเสนอขายที่ 16 - 18 บาทต่อหุ้น หารด้วยกำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.67 บาทต่อหุ้น (คำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 62 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 63) ซึ่งเท่ากับ 7,816.8 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน 11,610,000,000 หุ้น (Fully Diluted) (บนสมมติฐานว่ามีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวน 2,610,000,000 หุ้น และไม่รวมกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน))
ค่า P/E บจ.ที่ธุรกิจคล้ายกันเฉลี่ย 31.7 เท่า
ค่า P/E ของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งในและต่างประเทศ เฉลี่ยประมาณ 31.7 เท่า
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG มี (P/E Ratio) เท่ากับ 20.9 เท่า
บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO มี (P/E Ratio) เท่ากับ 15.8 เท่า
ข้อมูลในช่วงระยะเวลา 6 เดือนย้อนหลังนับจาก 7 ก.ค.63 ถึง 6 ม.ค.64
4.ที่ปรึกษาทางการเงิน มีความสัมพันธ์เป็นเจ้าหนี้
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้วงเงินสินเชื่อแก่บริษัทฯ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทฯ ในการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
ณ 30 ก.ย.63 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีการใช้สินเชื่อกับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.9% ของบล.บัวหลวง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม โดยเป็นวงเงินกู้ระยะยาว 5,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดเงินกู้ระยะยาวคงค้าง ณ 30 ก.ย.63 จำนวน 5,000 ล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่ออื่น ๆ 4,220.5 ล้านบาท ณ 30 ก.ย.63 ไม่มียอดคงค้าง
ณ 30 ธ.ค.63 บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญากู้ยืมเงินเพิ่มเติมกับธนาคารกรุงเทพ วงเงินรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ 31 ธ.ค.63 บริษัทฯ ยังไม่ได้มีการเบิกถอนวงเงินกู้ยืมดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารกสิกรไทย และบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.9% ของบล.กสิกรไทย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับ ประกันการจำหน่ายร่วม แบ่งเป็น (1) วงเงินกู้ระยะสั้น 215 ล้านบาท ณ 30 ก.ย.63 ไม่มียอดคงค้าง (2) วงเงินหนังสือค้ำประกัน 200 ล้านบาท และ (3) ยอดคงค้างสินเชื่ออื่นๆ 16.4 ล้านบาท
5.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
6.นำเงินระดมทุนขยายธุรกิจ
บริษัทฯ ประมาณการว่าจะได้รับเงินจากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ (ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหลักทรัพย์) จำนวนประมาณ 41,079 – 53,209 ล้านบาท (โดยคำนวณจากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ที่ช่วงราคาเสนอขายที่ 16 –18 บาทต่อหุ้น และคำนวณรวมถึงกรณีที่มีและไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน) โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์การใช้เงินดังนี้

7.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.8% (สิ้นก.ย.63)
ผลการดำเนินงานของ OR เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
รายได้และกำไรสุทธิของ OR ตั้งแต่ปี 60 - 9 เดือน ปี 63 เป็นดังนี้
|
ปี 60 |
ปี 61 |
ปี 62 |
สิ้นก.ย.63 |
รายได้(ลบ.) |
550,717 |
599,174 |
583,393 |
321,922 |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
12,671 |
9,493 |
10,895 |
5,869 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) |
2.3 |
1.6 |
1.9 |
1.8 |
8.มี D/E อยู่ที่ 1.0 เท่า
OR มีระดับ D/E ณ สิ้นก.ย.63 อยู่ที่ 1.0 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน ณ สิ้นก.ย.63 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 147,212 ลบ.
หนี้สินรวม : 106,001 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 41,210 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับปรุง (Adjusted D/E) : 1.0 เท่า
อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้นปรับปรุง (Adjusted IBD/E) : 0.5 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ปรับปรุง (Adjusted ROAA) : 3.6%
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นปรับปรุง (Adjusted ROAE) : 7.3%
9.หลังไอพีโอ บมจ.ปตท.ยังถือหุ้นใหญ่
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว บมจ.ปตท.ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

10.สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 2,614 ล้านหุ้น คิดเป็น 22.5%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period: จำนวน 2,614,499,998 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 22.5 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้ (บนสมมติฐานว่ามีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวน 2,610,000,000 หุ้น และไม่รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัทฯ ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)
ทั้งนี้ การคำนวณสัดส่วนหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด silent period ดังกล่าว จะไม่นับรวมหุ้นจากที่ผู้มีส่วนร่วมในการบริหารได้รับการจัดสรรในฐานะผู้ถือหุ้นของ ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น
อนึ่ง คาดมีโอกาสเข้าคำนวณดัชนี SET50 หรือ SET100 ในรอบหน้า