บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ประกอบธุรกิจ โดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ทำธุรกิจสื่อและความบันเทิงแบบครบวงจร กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 5 พ.ย.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ เป็น Holding Company ที่ทำธุรกิจสื่อและความบันเทิงแบบครบวงจร
บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ประกอบธุรกิจ โดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ลงทุนในธุรกิจหลัก ได้แก่
1. ธุรกิจผลิตเนื้อหา (Content Provider) ประเภท ละคร ซีรีส์ รายการวาไรตี้ ที่เน้นออกอากาศทางโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลทีวีเป็นหลัก (ช่อง ONE31, บริหารจัดการช่อง GMM25) รวมถึงแพลตฟอร์มต่างๆ ทางออนไลน์
2. ธุรกิจผลิตรายการวิทยุเพื่อขายโฆษณา (รายการวิทยุ EFM GREENWAVE และ Chill Online)
3. ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น บริหารจัดการศิลปิน จัดคอนเสิร์ต / อีเว้นท์ บริการให้เช่าสตูดิโอ
2.ขายไอพีโอจำนวน 496.25 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.84%
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 496,252,500 หุ้น คิดเป็น 20.84% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ประกอบด้วย
หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ ไม่เกิน 476,250,000 หุ้น
หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม (บริษัท ซีเนริโอ จำกัด) ไม่เกิน 20,002,500 หุ้น
3.เคาะราคาไอพีโอ 8.50 บาท คิดเป็น P/E ที่ 20.5–23.2 เท่า
กำหนดช่วงราคาเสนอขายที่ 7.50–8.50 บาทต่อหุ้น หากดูกำไรสุทธิ ช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (1 ก.ค.63 ถึง 30 มิ.ย.64) ที่ 871.87 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 2,381,250,000 หุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.37 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 20.5–23.2 เท่า
เทียบ P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 2 บริษัท ที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน เท่ากับ 32.9 –75.1 เท่า ช่วง 6 เดือนย้อนหลัง (1 เม.ย.64 ถึง 1 ต.ค.64 (โดย P/E Ratio คำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (1 ก.ค.63 ถึง 30 มิ.ย.64)) ดังนี้
บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) มี P/E Ratio เท่ากับ 75.1 เท่า
บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) มี P/E Ratio เท่ากับ 32.9 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 496.25 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.84% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 2,381.25 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 2.00 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 1.30 บาท/หุ้น สิ้นมิ.ย.64
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 5 พ.ย.64
หมวดธุรกิจ : สื่อและสิ่งพิมพ์
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.เกียรตินาคินภัทร,บล.กรุงไทย ซีมิโก้, บล.ทิสโก้,บล.ธนชาต,บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) และบล. เอเซีย พลัส
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 108,500,000 หุ้น 21.9%
นักลงทุนสถาบัน 297,752,500 หุ้น 60%
ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 36,500,000 หุ้น 7.4%
บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ 25,000,000 หุ้น 5%
พนักงานของบริษัทฯ 28,500,000 หุ้น 5.7%
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินระดมทุนขยายธุรกิจ-พัฒนาความสามารถในการสร้างรายได้

6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 16.4% (งวด 6 เดือน ปี 64)
รายได้และกำไรของ ONEE ตั้งแต่ปี 62-63 และงวด 6 เดือน ปี 64 เติบโตต่อเนื่อง แม้ในช่วง Digital Disruption
กำไรโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขนาดครึ่งปีแรกเจอโควิด
|
ปี 62
|
ปี 63
|
6 เดือน ปี 64
|
รายได้(ลบ.) |
4,818.27 |
4,875.31 |
2,782.57 |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
227.56 |
657.59 |
455.13 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
4.7 |
13.5 |
16.4 |
7.มี D/E อยู่ที่ 2.1 เท่า
ONEE มีระดับ D/E สิ้นมิ.ย.64 อยู่ที่ 2.1 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้นมิ.ย.64 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 7,924.25 ลบ.
หนี้สินรวม : 5,366.88 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 2,557.37 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 2.1 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) :12.1%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) :40.6%
8.หลังไอพีโอ แพทย์หญิง ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ยังถือหุ้นใหญ่ 40%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว แพทย์หญิง ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 40% บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) ถือ 25.02% กลุ่มนายถกลเกียรติ วีรวรรณ ถือ 13.49% ดังนี้
9.จำนวนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period เท่ากับ 550,381,850 หุ้น คิดเป็น 23.1%
จำนวนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period เท่ากับ 550,381,850 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 23.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้