บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ KK ค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคภาคใต้ ภายใต้ชื่อ “ร้าน เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์” จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 7 ต.ค.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เป็น 10 เรื่องน่ารู้หุ้น KK เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้ชื่อ “ร้าน เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์”
บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ KK ก่อตั้งเมื่อ 4 มกราคม 2536 ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้ชื่อ “ร้าน เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์” ชูจุดแข็งเป็นผู้นำธุรกิจ Modern-Traditional Trade จำนวน 28 สาขา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล
รวมถึงบริษัทฯ มีศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 1 แห่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และเป็นสถานที่กระจายสินค้าให้แก่ร้านสาขาของบริษัทฯ ทั้งนี้ ด้วยการดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่จังหวัดสงขลามาเป็นระยะเวลามากกว่า 27 ปี
บริษัท จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า 8,000 รายการ ในรูปแบบสินค้าปลีก สินค้าเป็นแพ็ค และสินค้าเป็นลัง เพื่อรองรับความต้องการสินค้าในรูปแบบต่างๆ ของลูกค้าที่มาซื้อสินค้าในร้านสาขา และลูกค้าค้าส่งที่ต้องการซื้อสินค้าไปเพื่อจำหน่ายต่อ
ทั้งนี้ ลักษณะสินค้าของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าอุปโภค และสินค้าบริโภค
บริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวน 2 ช่องทาง ได้แก่ การจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสาขา และการจำหน่ายสินค้าค้าส่งผ่านศูนย์กระจายสินค้า
2.ขายไอพีโอ 69 ล้านหุ้น พ่วงกรีนชู 10.35 ล้านหุ้น
KK เสนอขายหุ้นทั้งหมด 69,000,000 หุ้น คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีการจัดสรรหุ้นสามัญส่วนเกิน (Over-allotment shares) หรือ กรีนชู จำนวน 10.35 ล้านหุ้น หากสิ้นสุดการเสนอขายหุ้น มีผู้จองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมากกว่าหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 10.35 ล้านหุ้น โดยการจัดสรรจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย
3.เคาะราคาไอพีโอ 0.88 บาท คิดเป็น P/E ที่ 20.03 เท่า
KK กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 0.88 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 20.03 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งเท่ากับ 10.11 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) จำนวน 230,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.04 บาทต่อหุ้น
เมื่อเทียบกับ P/E Ratio เฉลี่ยในช่วงเวลา 12 เดือน ตั้งแต่ 23 ก.ย.62 ถึง 21 ก.ย.63 ของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคคล้ายคลึงกันกับบริษัทฯ คือ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP เท่ากับ 20.47 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : ทั้งหมดไม่เกิน 69,000,000 หุ้น คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโอที่อยู่ที่ : 230,000,000 หุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 0.60 บาท/หุ้น (คำนวณ ณ วันที่ 30 มิ.ย.63)
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 7 ต.ค.63
หมวดธุรกิจ : บริการ
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล. เคทีบี (ประเทศไทย)
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.คันทรี่ กรุ๊ป,บล.โกลเบล็ก
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวน 51,750,000 หุ้น คิดเป็น 75%
ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 10,350,000 หุ้น คิดเป็น 15%
กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ 6,900,000 หุ้น คิดเป็น 10%
ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 10,350,000 หุ้น จะดำเนินการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายเท่านั้น
4.มีการจัดสรรหุ้นราคาต่ำก่อนขายไอพีโอ
บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 116,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งผู้ถือหุ้นเดิมได้จองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นสามัญเรียบร้อยแล้วในเดือนกันยายน 2562
5.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
6.นำเงินขยายสาขาเคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์-คืนเงินกู้
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงินสุทธิประมาณ 58.90 ล้านบาท ไปใช้ดังต่อไปนี้

7.อัตรากำไรสุทธิอยู่ราว 1.40% (สิ้นมิ.ย.63)
รายได้และกำไรสุทธิของ KK ตั้งแต่ปี 60 - สิ้นมิ.ย.63 เป็นดังนี้
|
ปี 60 |
ปี 61 |
ปี 62 |
สิ้นมิ.ย.63 |
รายได้(ลบ.) |
937.9 |
948.49 |
935.98 |
484.14 |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
17.9 |
16.26 |
11.53 |
6.77 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) |
1.91 |
1.71 |
1.23 |
1.4 |
ในปี 62 มีกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนหน้ามีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้จากการขายจากการค้าปลีก และบริษัทฯ มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเปิดร้านสาขาใหม่ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในร้านสาขา และค่าเสื่อมราคา และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริหารจากการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานประจำปี
8.มี D/E อยู่ที่ 2.61 เท่า หนี้สินส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อื่น
KK มีระดับ D/E ณ สิ้นมิ.ย.63 อยู่ที่ 2.61 เท่า หนี้สินส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อื่น
งบแสดงฐานะการเงิน KK ณ สิ้นมิ.ย.63 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 349.69 ลบ.
หนี้สินรวม : 252.83 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 96.86 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) :2.61 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 4.02%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) : 14.48%
9.หลังไอพีโอ ตระกูลสิริธนนนท์สกุล ยังถือหุ้นใหญ่ 65.72%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้วกลุ่มตั้งนุกูลกิจ ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 65.72%โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

10.สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 34,500,000 หุ้น คิดเป็น 15%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period : จำนวน 34,500,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 15.00 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้