บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้แบรนด์ Rojukiss ,Sis2Sis กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 19 ก.พ.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง
ประกอบธุรกิจ พัฒนา จ้างผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของบริษัท รวมถึงให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจและการตลาดสำหรับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ในต่างประเทศ
ก่อตั้งเมื่อ 2 มี.ค.50 โดยน.ส.ปิยวดี สอนสิงห์ เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนา จ้างผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้แบรนด์ “Rojukiss” “PhDerma” “PhD K-Derma” “Wonder Herb” และ “Best Korea” ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “Sis2Sis” และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ “Rojukiss” กว่า 200 SKUs ซึ่งทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ ได้คิดค้น และพัฒนาสูตร และบรรจุภัณฑ์ร่วมกับผู้ผลิต
2.ขายไอพีโอ 152.64 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.4%
เสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 152,641,600 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ ประกอบด้วย
(1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น
(2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม Aurora Asia Holdings Pte. Ltd.(AAH) จำนวนไม่เกิน 92.64 ล้านหุ้น
3.เคาะราคาไอพีโอ 9 บาท คิดเป็น P/E ที่ 26.1 – 27.6 เท่า
กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 9 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Ratio : P/E) ประมาณ 26.1 – 27.6 เท่า คำนวณโดยเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้น 4 ไตรมาสล่าสุดของบริษัทฯ ซึ่งเท่ากับ 0.33 บาท ซึ่งคำนวณมาจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 62 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 63 เท่ากับ 195.8 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้รวมจำนวนเท่ากับ 600 ล้านหุ้น
เทียบ P/E Ratio ของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันเฉลี่ยที่ 48.8 เท่า
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกันกับธุรกิจของบริษัทฯ จำนวน 2 บริษัท
บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) มี P/E Ratio เท่ากับ 100 เท่า
บมจ.คาร์มาร์ท (KAMART) มี P/E Ratio เท่ากับ 14.1 เท่า
เป็น P/E Ratio เฉลี่ย คำนวณจากข้อมูลการซื้อขายย้อนหลัง 12 เดือน ตั้งแต่ 21 พ.ย.62 ถึง 20 พ.ย.63
ขายหุ้นไอพีโอ : ทั้งหมดไม่เกิน 152,641,600 หุ้น คิดเป็น 25.04% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 600 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 0.90 บาท/หุ้น (คำนวณ ณ 30 ก.ย.63)
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 19 ก.พ.64
หมวดธุรกิจ : สินค้าอุปโภคและบริโภค / ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
ที่ปรึกษาทางการเงิน : ธนาคารไทยพาณิชย์
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.ไทยพาณิชย์,บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส,บล.ทรีนีตี้,บล.เคทีบี (ประเทศไทย) และบล.เอเซีย พลัส
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 65,288,100 หุ้น
นักลงทุนสถาบันและนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ 63,788,800 หุ้น
ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 11,746,300 หุ้น
พนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 9,218,400 หุ้น
บุคคลที่มีความสัมพันธ์ซึ่งเป็นกรรมการ และ/หรือผู้บริหารของบริษัทฯ 2,600,000 หุ้น
4.มีการเสนอขายหุ้นในราคาพาร์ก่อนขาย IPO
บริษัทฯ มีการเสนอขายหุ้นจำนวน 9.67 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ในราคาหุ้นละ 10 บาท (มูลค่าที่ตราไว้ปัจจุบัน 0.5 บาทต่อหุ้น) ในช่วง 6 เดือนก่อนหน้ายื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานจนถึงช่วงเสนอขาย
5."ไทยพาณิชย์" มีความสัมพันธ์เป็นเจ้าหนี้
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้วงเงินสินเชื่อแก่บริษัทฯ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทฯ ในการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
ณ 30 ก.ย.63 บริษัทฯ มีการใช้วงเงินกู้ยืมกับธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.9% ของบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยรวมเป็นวงเงินกู้ 138.7 ล้านบาท และมียอดเงินกู้คงค้าง ณ 30 ก.ย.63 จำนวน 95.1 ล้านบาท
6.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
7.นำเงินระดมทุนพัฒนา นำเสนอผลิตภัณฑ์ และออกแบรนด์ใหม่

8.อัตรากำไรสุทธิอยู่ 19.1% (สิ้นก.ย.63)
รายได้ของ KISS เติบโตต่อเนื่อง และสามารถรักษาอัตรากำไรได้ในระดับสูง
รายได้และกำไรสุทธิของ KISS ตั้งแต่ปี 60 - 9 เดือน ปี 63 เป็นดังนี้
|
ปี 60 |
ปี 61 |
ปี 62 |
สิ้นก.ย.63 |
รายได้(ลบ.) |
592.5 |
863.2 |
1,138 |
729.7 |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
57.7 |
105.8 |
190.1 |
139.8 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) |
9.6 |
12.2 |
16.7 |
19.1 |
9.มี D/E อยู่ที่ 0.9 เท่า
KISS มีระดับ D/E ณ สิ้นก.ย.63 อยู่ที่ 0.9 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน ณ สิ้นก.ย.63 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 922.8 ลบ.
หนี้สินรวม : 435.7 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 487 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 0.9 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 21.5%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) :43.2%
10.หลังไอพีโอ Aurora Asia Holding Pte Ltd.ยังถือหุ้นใหญ่ 36.1%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว Aurora Asia Holding Pte Ltd.ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 36.1% และน.ส.ปิยวดี สอนสิงห์ ถือ 21.3% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

11.ผู้ถือหุ้นเดิมมีแผนขายหุ้นทั้งหมดหลังเข้าเทรด
AAH มีแผนขายหุ้นทั้งหมดหลังเข้าเทรด แบ่งเป็น
1.พร้อมขายทันทีหลัง KISS เข้าเทรด จำนวน 22.92 ล้านหุ้น ในราคา IPO
2.อาจพิจารณาขายหุ้นที่เหลือก่อนหมดอายุกอง
ผู้ก่อตั้ง มีแผนขายหุ้น 32.14 ล้านหุ้น หลังเข้าเทรดในราคา IPO
AAH และผู้ก่อตั้งมีแผนขายหุ้น 59.94 ล้านหุ้น ราว 9.9% ให้ GMM ในราคา IPO ภายใน 7 ก.ค.64 สำหรับดีลการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน