บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ประกอบธุรกิจให้บริการจัดส่งพัสดุด่วน กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจให้บริการจัดส่งพัสดุด่วน
บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ให้บริการธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนอันดับ 1 ในประเทศไทย โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. บุคคล ส่งถึง บุคคล (C2C) รายได้ 53.9%
2. ธุรกิจ ส่งถึง บุคคล (B2C) รายได้ 44.3%
3. ธุรกิจ ส่งถึง ธุรกิจ (B2B) รายได้ 1.7%
ให้บริการจัดส่งพัสดุแบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภท และมีเครือข่ายให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด จุดให้บริการกว่า 15,000 แห่ง ศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,200 แห่ง บริการจัดส่งพัสดุอย่างน้อย 1.1 ล้านชิ้นต่อวัน
KEX ก่อตั้งในปี 2557 และเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุด่วนแห่งแรกที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย อัตราการเติบโตของปริมาณจัดส่งพัสดุในปี 57-62 เฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) สูงถึง 134.9%
2.ขายไอพีโอ 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 17.24%
เสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 300,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 17.24 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
3.เคาะราคาไอพีโอ 28 บาท คิดเป็น P/E ที่ 33 เท่า
KEX กำหนดราคาเสนอขายหุ้นที่ 28 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายที่ 25-28 บาท ที่ราคาสูงสุง 28 บาท มีความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบันมากกว่า 23 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรรแก่นักลงทุนสถาบัน และประมาณ 10 เท่า จากกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) ของจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้
ราคาขายหุ้นละ 28 บาท มีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 33 เท่า ใกล้เคียงกับธุรกิจขนส่งพัสดุในระดับภูมิภาคที่มีค่า P/E ที่ 20-30 เท่า
4.มีการเสนอขายหุ้นราคาต่ำก่อนการขาย IPO
บริษัทฯ มีการเสนอขายหุ้นจำนวน 1,200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (par) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท ในช่วง 6 เดือนก่อนหน้ายื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานจนถึงช่วงเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น
5."ไทยพาณิชย์" มีความสัมพันธ์เป็นเจ้าหนี้
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้วงเงินสินเชื่อแก่บริษัทฯ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทฯ ในการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
ณ 30 ก.ย.63 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีวงเงินกู้ยืมกับธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นวงเงินกู้ยืมระยะสั้นรวมจำนวน 500 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ไม่มียอดเงินกู้ยืมระยะสั้นคงค้างกับธนาคารไทยพาณิชย์
ขายหุ้นไอพีโอ : ทั้งหมดไม่เกิน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 17.24% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโอที่อยู่ที่ 1,780 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 1.53 บาท/หุ้น (คำนวณ ณ วันที่ 30 ก.ย.63)
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 24 ธ.ค.63
หมวดธุรกิจ : บริการ /ขนส่งและโลจิสติกส์
ที่ปรึกษาทางการเงิน : ธนาคารไทยพาณิชย์,บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : ธนาคารไทยพาณิชย์ ,บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น

6.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
7.นำเงินระดมทุนขยายเครือข่ายจัดส่งพัสดุด่วน
บริษัทฯ คาดได้รับเงินจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก ภายหลังจากหักค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ เป็นจำนวนประมาณ 7,247 – 8,131 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ดังนี้

8.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7% (สิ้นก.ย.63)
รายได้และกำไรสุทธิของ KEX ตั้งแต่ปี 60 - 9 เดือน ปี 63 เป็นดังนี้
KEX มีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแข็งแกร่งกว่าบริษัทอื่นๆ ในธุรกิจเดียวกัน
|
ปี 60 |
ปี 61 |
ปี 62 |
สิ้นก.ย.63 |
รายได้(ลบ.) |
6,626 |
13,565 |
19,781 |
14,688 |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
730 |
1,185 |
1,328 |
1,030 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) |
11 |
8.7 |
6.7 |
7 |
9.มี D/E อยู่ที่ 3.80 เท่า
KEX มีระดับ D/E ณ สิ้นก.ย.63 อยู่ที่ 3.80 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน ณ สิ้นก.ย.63 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 10,603 ลบ.
หนี้สินรวม : 8,392 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 2,210 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 3.80 เท่า
อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้น(IBD/E): 2.61 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 13.22%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) : 61.82%
10.หลังไอพีโอ บริษัท เคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) ยังถือหุ้นใหญ่ 51%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว บริษัท เคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือ KLN ฮ่องกง ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 51% บริษัท วีจีไอ จำกัด(มหาชน) (VGI) 18.6% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

11.สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 346.22 ล้านหุ้น คิดเป็น 19.9%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 346,220,400 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 19.9 ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
คาดมีโอกาสเข้าคำนวณดัชนี SET50 หรือ SET100 ในรอบหน้า