บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้ผลิตเนย-ชีส และคุกกี้กล่องแดง "อิมพีเรียล" กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 3 ส.ค.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ ผู้ผลิตเนย-ชีส และคุกกี้อิมพีเรียล
บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ประกอบธุรกิจ หนึ่งในผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค กลุ่มผลิตภัณฑ์เนย-ชีส ที่เป็นส่วนสำคัญในการประกอบอาหาร ภายใต้แบรนด์อลาวรี่ และอิมพีเรียล รวมถึงยังมีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บิสกิต และผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารและเบเกอรี่
โดย KCG ยังมีชื่อเสียงจากการเป็นผู้นำเข้าเนย ชีส และวัตถุดิบเบเกอรี่และอาหารตะวันตกจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก อาทิ มารินฟู้ด, เอเร่ แอนด์ เวียร์, คะวาน, กาโรฟาโล ฯลฯ ด้วยความรู้และประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 64 ปี
มี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ (Food and Bakery Ingredients) และผลิตภัณฑ์อื่นๆ และกลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits)
2.ขายไอพีโอจำนวน 155 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.4%
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 155,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.4% ของจํานวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
3.เคาะราคาไอพีโอ 8.50 บาท คิดเป็น P/E ที่ 17.33 เท่า
ราคาเสนอขายหุ้นละ 8.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ประมาณ 17.33 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (เม.ย.65-มี.ค.66) ซึ่งเท่ากับ 267.28 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ หลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) ซึ่งเท่ากับ 545 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.49 บาทต่อหุ้น
เทียบบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารมีค่า P/E ดังนี้
NSL 21.55 เท่า, SNP 18.87 เท่า, XO 25.90 เท่า, PB 16.59 เท่า, SNNP 40.12 เท่า, TKN 26.41 เท่า, PM 20.04 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 155 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.4%
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 545 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) : 1.00 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 3.2 บาท/หุ้น สิ้นไตรมาส 1/66
เข้าซื้อขายใน : ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 3 ส.ค.นี้
หมวดธุรกิจ : อาหารและเครื่องดื่ม
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.บัวหลวง
ผู้จัดการการจัดจำหน่าย : บล.บัวหลวง
ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง,บล.กรุงศรี และบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินขยายกำลังผลิต-สร้างศูนย์กระจายสินค้า
รายได้และกำไรของ KCG ตั้งแต่ปี 64-65 และไตรมาส 1/66 เป็นดังนี้
|
ปี 64 |
ปี 65 |
ไตรมาส 1/66 |
รายได้รวม (ลบ.) |
5,265 |
6,232.7 |
1,723.3 |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
303.4 |
241.1 |
58.4 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
5.8 |
3.9 |
3.4 |
6.มี D/E อยู่ที่ 3.2 เท่า
KCG มีระดับ D/E สิ้นไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 3.2 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้นไตรมาส 1/66 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 5,248.4 ลบ.
หนี้สินรวม : 4,006.7 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 1,241.7 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 3.2 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) : 22%
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 5%
7.หลังไอพีโอ กิมจั๊วกรุ๊ป ยังถือหุ้นใหญ่ 52.2%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว กิมจั๊วกรุ๊ป ยังคงถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 52.2% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้
8.สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 79.69 ล้านหุ้น คิดเป็น 14.6%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period: จำนวน 79,690,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 14.6 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทยกเว้น นายวิจัย วิภาวัฒนกุล ได้เข้าทำหนังสือข้อตกลงจำกัดสิทธิในการขายหรือโอนหุ้นทั้งหมด 180 วัน และกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ (ที่ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ) ที่ได้รับการจัดสรรและจองซื้อหุ้น IPO ทำข้อตกลงจำกัดสิทธิขาย-โอนเป็นเวลา 90 วัน