บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ประกอบธุรกิจ จัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 5 พ.ค.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ จัดหาและการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ประกอบธุรกิจ จัดหาและการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย และการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย
มีธุรกิจหลัก 2 กลุ่ม
1.ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPLs)
2.ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA)
ทีมผู้บริหารทั้งนายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี และนายทวี กุลเลิศประเสริฐ มีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารหนี้มากว่า 20 ปี หนุนให้ธุรกิจประสบความสำเร็จสะท้อนจากตัวเลขการเงินปี 64 มีอัตรากำไรขั้นต้น 88.95% อัตรากำไรสุทธิ 37.08%
2.ขายไอพีโอจำนวน 160 ล้านหุ้น 25.81%
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 160,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.81% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
3.เคาะราคาไอพีโอ 3.70 บาท คิดเป็น P/BV ที่ 5 เท่า
ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.70 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) เท่ากับ 5 เท่า คำนวณจากมูลค่าทางบัญชีสุทธิสิ้นปี 64 ซึ่งเท่ากับ 460.61 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้เท่ากับ 620 ล้านหุ้น จะได้มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเท่ากับ 0.74 บาท (Fully Diluted Book Value per Share)
เทียบ P/B ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน ดังนี้
บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) มี P/B ratio ที่ 1.60 เท่า
บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) มี P/B ratio ที่ 7.93 เท่า
บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) มี P/B ratio ที่ 4.97 เท่า
P/B ratio เฉลี่ยคำนวณจากมูลค่าทางบัญชีตามงบการเงินล่าสุด โดยใช้ช่วงราคาตลาด 3 เดือน (9 ม.ค.ถึง 9 เม.ย.65)
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.81% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 620 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 1.00 บาท/หุ้น สิ้นปี 64
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 5 พ.ค.นี้
หมวดธุรกิจ : กลุ่มธุรกิจการเงิน
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.ทรีนิตี้,บล.เคจีไอ (ประเทศไทย),บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.เอเซีย พลัส และบล.คิงส์ฟอร์ด
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
1.บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 150,316,000 หุ้น 93.95%
2.ผู้มีอุปการคุณ 3,880,000 หุ้น 2.43%
3.กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 5,804,000 หุ้น 3.63%
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายแล้ว ซึ่งมีจำนวนประมาณ 570.40 ล้านบาท ดังนี้

6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 37.08% สิ้นปี 64
รายได้และกำไรของ KCC ตั้งแต่ปี 62-64 เป็นดังนี้
|
ปี 62 |
ปี 63 |
ปี 64 |
รายได้รวม (ลบ.) |
57.10 |
128.10 |
125.75 |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
12.03 |
49.06 |
52.42 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
19.16 |
34.74 |
37.08 |
7.มี D/E อยู่ที่ 0.63 เท่า
KCC มีระดับ D/E สิ้นปี 64 อยู่ที่ 0.63 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้นปี 64 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 735.82 ลบ.
หนี้สินรวม : 275.21 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 460.61 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 0.63 เท่า
ผลตอบแทนของสินทรัพย์ก่อรายได้ : 23.85%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) : 12.06%
8.หลังไอพีโอ กลุ่มบุญบรรเจิดศรี ยังถือหุ้นใหญ่ 52.07%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว กลุ่มบุญบรรเจิดศรี ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 52.07% นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ถือ 22.32% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

9.จำนวนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period เท่ากับ 123,499,960 หุ้น คิดเป็น 19.92%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 123,499,960 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 19.92 ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้