บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND ประกอบธุรกิจ ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมครบวงจร กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ดำเนินธุรกิจด้านวิศวกรรมที่ปรึกษา
บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND ประกอบธุรกิจ ด้านวิศวกรรมที่ปรึกษา ทั้งด้านงานสำรวจและศึกษาความเหมาะสมของโครงการ งานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายละเอียด งานควบคุมการก่อสร้างและงานบริหารโครงการ
และงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง
เน้นงานด้านโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันและก๊าซ ให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน
เป็นผู้เชี่ยวชาญงานวิศวกรรมมากว่า 37 ปี รับงานมากว่า 300 โครงการ
2.ขายไอพีโอ 90 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.71%
เสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 90,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.71 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
3.เคาะราคาไอพีโอ 1.10 บาท คิดเป็น P/E ที่ 34.25 เท่า
กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 1.10 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) เท่ากับ 34.25 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่ 1 ต.ค.62 ถึง 30 ก.ย.63 ซึ่งมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 11.24 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ เท่ากับ 350 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.03 บาท
เทียบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ประกอบธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรมที่ปรึกษาในรูปแบบต่าง ๆ และธุรกิจให้บริการงานออกแบบพร้อมก่อสร้างที่ใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของบริษัท จำนวน 3 บริษัท
บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) มี P/E Ratio เท่ากับ 10.38 เท่า
บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) มี P/E Ratio เท่ากับ 15.79 เท่า
บมจ.ไทรทัน โฮลดิ้ง (TRITN) มี P/E Ratio เท่ากับ 52.30 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : ทั้งหมดไม่เกิน 90 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโอที่อยู่ที่ 350 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 0.97 บาท/หุ้น (คำนวณ ณ วันที่ 30 ก.ย.63)
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 22 ธ.ค.63
หมวดธุรกิจ : อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.โนมูระ พัฒนสิน,บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย),บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย),บล.ทรีนีตี้ ,บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ,บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 67.5 ล้านหุ้น 75%
ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 13.50 ล้านหุ้น 15%
กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัท 9 ล้านหุ้น 10%
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์

6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ 1.32% (สิ้นก.ย.63)
รายได้และกำไรสุทธิของ IND ตั้งแต่ปี 60 - 9 เดือน ปี 63 เป็นดังนี้
|
ปี 60 |
ปี 61 |
ปี 62 |
สิ้นก.ย.63 |
รายได้(ลบ.) |
1,171 |
1,658 |
773 |
400 |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
43.21 |
65.06 |
31.62 |
5.30 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) |
3.69 |
3.92 |
4.09 |
1.32 |
เป็นปกติของธุรกิจกลุ่มก่อสร้างในปี 60-61 มีการรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จากโครงการใหญ่ทำให้รายได้ 2 ปีนี้ เพิ่มสูงขึ้นมาก
งวด 9 เดือน ปี 63 รายได้และกำไรสุทธิลดลง เนื่องจากรายได้จากโครงการใหญ่ลดลงจากการส่งมอบงานในปี 62 ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น
7.มี D/E อยู่ที่ 1.49 เท่า
IND มีระดับ D/E สิ้นก.ย.63 อยู่ที่ 1.49 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน ณ สิ้นก.ย.63 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 627.03 ลบ.
หนี้สินรวม : 374.97 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 252.06 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 1.49 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 1.17%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) : 3.19%
IND มี Backlog กว่า 529 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ใน 2 ปีข้างหน้า
8.หลังไอพีโอ กลุ่มครอบครัว ณ ลำพูน ยังถือหุ้นใหญ่ 48.73%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว กลุ่มครอบครัว ณ ลำพูน ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 48.73% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

9. หุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารติด Silent Period ทั้งหมด
IND ระบุในแบบไฟลิ่งว่า ไม่มีหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period