"บมจ.สีเดลต้า หรือ DPAINT" หุ้น IPO ที่กำลังเดินหน้าเจ้าทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โชว์วิสัยทัศน์ผู้นำนวัตกรรมสีทาอาคาร ภายใต้การบริหารงานของ เจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และแม้สถานการณ์โควิด-19 ยอดขายสีก็ไม่ได้ลดลง พ่วงด้วย Economy of scale ทำให้กำไรเติบโตต่อเนื่อง พื้นฐานแน่นปึ้กกับก้าวที่สำคัญสู่การเป็นบริษัทมหาชน
และด้วยความเชื่อมั่น ทำให้หุ้น DPAINT ประกาศปิดจองซื้อ IPO ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยกระแสอันร้อนแรง พร้อมเข้าซื้อขาย mai วันที่ 28 ตุลาคม 64 นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1. DPAINT ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจสีทาอาคาร
บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT ย้อนไปยังจุดเริ่มต้น ก่อตั้งโดย “ตระกูลตั้งคารวคุณ” เป็นที่รู้จักคร่ำหวอดในแวดวงอุตสาหกรรมสีทาอาคารมานานกว่า 42 ปี ทำให้แบรนด์ “สีเดลต้า” เข้าใจในการแข่งขัน และมีความได้เปรียบในการทำตลาด เป็นที่มาของการก่อตั้งบริษัทฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2542 โดย คุณอาจณรงค์ ตั้งคารวคุณ และ คุณวิไล ตั้งคารวคุณ เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร (Decorative Paint) ปัจจุบันสีเดลต้ามีผลิตภัณฑ์สีทาอาคารภายใต้แบรนด์ Delta, Toptech, Deltech, National, IBC, Sefco, Bestco และ Acner
โดยแบ่งเป็น สีคุณภาพพิเศษ สีคุณภาพสูง และสีคุณภาพคุ้มค่า โดยมีกลุ่มลูกค้า ได้แก่ ผู้รับเหมาและช่างทาสี เจ้าของที่พักอาศัย และเจ้าของโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน ปัจจุบัน มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านร้านโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) 180 แห่ง และร้านค้าปลีก (Retail) แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกกึ่งสมัยใหม่ 32 แห่ง และร้านค้าปลีกดั้งเดิมอีกราว 1,000 แห่ง รวมทั้ง งานโครงการ (Project) และการบริการเครื่องผสมสีที่นำไปติดตั้งให้ลูกค้าที่เป็นร้านค้าใช้งาน มีประมาณ 379 เครื่อง ซึ่งเปรียได้กับตู้ ATM สี ยิ่งมีเยอะ ยิ่งเพิ่มช่องทางการสร้างยอดขาย และช่วยให้การบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น
2. ผู้บริหาร เจเนอเรชั่นที่ 2 กับก้าวที่ยิ่งใหญ่
ถ้าจะบอกว่า หุ้น IPO น้องใหม่ไฟแรงสูงรายนี้ จะปฏิวัติอุตสาหกรรมสีทาอาคารในประเทศไทยก็คงไม่ผิด ด้วยการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และ DNA ของเลือดสีที่เข้มข้น ทำให้ชวนหันมามองสองผู้บริหารคนรุ่นใหม่ “คุณรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “คุณอรรถพล ตั้งคารวคุณ” ประธานเจ้าหน้าที่บัญชีและการเงิน ที่มีวิสัยทัศน์ในการบริหารงานแบบมืออาชีพ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใส่ในถังสี เปลี่ยนอิมเมจเพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ในปีนี้ได้ร่วมมือกับ Disney แบรนด์ดังระดับโลก เปิดตัว สีเดลต้าเมจิก ชิลด์ (DELTA MAGIC SHIELD) สีทาภายในเกรดอัลตร้าพรีเมียม รายแรกในประเทศไทย

3. ภาพรวมผลิตภัณฑ์ สีคุณภาพพิเศษเป็นตัวชูโรง
ภาพรวมงานก่อสร้างในประเทศไทยยังคงขยายตัวตามแผนระยะยาวของภาครัฐบาลและเอกชน ขณะที่ มีการปรับปรุงที่อยู่อาศัย อาคาร และเทรนด์ผู้บริโภคให้ความสำคัญในการเลือกสีทาอาคารมากขึ้น สีเดลต้าจึงนำนวัตกรรมเข้ามาผสมในถังสี สร้างความแตกต่าง ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ขยายตลาดสีกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ
Toptech นวัตกรรมสีรองพื้น ช่วยลดระยะการทำงานของช่างทาสีได้ถึง 75% เป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่สหรัฐอเมริกาเลือกใช้กับแลนด์มาร์กระดับโลก
ChillShield สีนวัตกรรมใหม่ที่สามารถทาทับหน้ารอบเดียวก็ปกปิดติดทนทานได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องทาซ้ำ ผลิตจากกาวอะครีลิคพิเศษช่วยให้สีซึมลึกประสานเป็นเนื้อเดียวกับผนังปูนปกป้องบ้านได้นานกว่าสีทั่วไป มีเนื้อสีมากกว่าสีทั่วไปประมาณ 57% ทำให้ทาสีได้ง่าย ลื่น ไม่ติดแปรง ส่งผลให้ใช้สีน้อยกว่าเดิมประมาณ 43%
และล่าสุด DPAINT ได้ร่วมจับมือกับดิสนีย์ เปิดตัว สีเดลต้าเมจิก ชิลด์ (DELTA MAGIC SHIELD) สีทาภายในเกรดอัลตร้าพรีเมียม เจาะกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ และสร้างแบรนด์อิมเมจสู่ระดับสากล
โดยในงวดครึ่งปีแรกปี 64 DPAINT มีสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์สีคุณภาพพิเศษ อยู่ที่ 40.7% สีคุณภาพสูง 27.4% และสีคุณภาพคุ้มค่า 31.9% ของยอดขาย

4. แผนการระดมทุน
DPAINT เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 53.25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 23.15% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด
ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
DPAINT กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ 7.50 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) 32.80 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ดังกล่าวคำนวณจากผลประกอบการในอดีตของบริษัทฯ ซึ่งอาจไม่สะท้อนถึงผลการดำเนินงาน หรือความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต
เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง
5. สยายปีกโต ปลดล็อกข้อจำกัดในการผลิต
เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ประมาณ 373.16 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหลักทรัพย์) จะนำไปใช้ขยายการผลิต รองรับการเติบโต
-
ใช้เป็นเงินทุนในการปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร และระบบการผลิตที่โรงงานสุวินทวงศ์ จำนวน 150 ล้านบาท ภายในปี 2568 ให้มีความทันสมัยและมีระบบอัตโนมัติเพื่อควบคุมและกำกับการดูแลการผลิต โดยบริษัทฯ จะใช้โรงงานสุวินทวงศ์เป็นที่ตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่
-
ใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องผสมสี 100.0 ล้านบาท บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนซื้อเครื่องผสมสีจำนวน 440 เครื่อง เพิ่มเป็นเท่าตัวจากปัจจุบันมี 379 เครื่อง ภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มจำนวนร้านค้าปลีกและร้านค้าปลีกสมัยใหม่
-
ใช้เป็นเงินทุนในการทำระบบ ERP 10.0 ล้านบาท ภายในปี 2565 เพิ่มประสิทธิภาพ การควบคุมภายใน และการสื่อสารในองค์กร
-
ใช้เป็นเงินทุนสร้างห้อง LAB 5.0 ล้านบาท ภายในปี 2565 เพิ่มอุปกรณ์ที่ทันสมัยครบครัน มีเทคโนโลยีในการตรวจสอบสินค้าแบบอัตโนมัติ เพื่อพัฒนาการตรวจสอบคุณภาพและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์
-
ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 25.0 ล้านบาท ภายในปี 2565
-
และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 83.2 ล้านบาท ภายในปี 2565
6. นโยบายการจ่ายปันผล
บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการที่เหลือหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย

7. ผลประกอบการและความสามารถในการทำกำไร โตต่อเนื่อง
ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561 - 2563) มีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 คิดเป็นการเติบโตของรายได้เฉลี่ย (CAGR) 7.2% ด้านกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 83.7% อันเป็นผลจากการขยายฐานลูกค้า เพิ่มจำนวนคู่ค้าทั้งร้านโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีก รวมทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ โดยเฉพาะกลุ่มสีคุณภาพพิเศษ ที่มีอัตรากำไรดี รวมไปถึงการได้เปรียบเชิงต้นทุน (Economies of Scale) ซึ่งปัจจุบัน DPAINT มีกำลังการผลิตจากโรงงานแห่งที่ 1 อยู่ที่ 3.24 ล้านแกลลอน/ปี อัตรากำลังการผลิตในครึ่งปีแรก 64 มากกว่า 90%
ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 มีรายได้จากการขายและบริการ 387.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7% กำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท เติบโต 48.2% อัตรากำไรขั้นต้น 43.3% อัตรากำไรสุทธิ 8.5%
8. โอกาส และปัจจัยสนับสนุนการเติบโต
-
สีคือวัสดุก่อสร้างที่ต้องมีการใช้ซ้ำ ธุรกิจนี้ยังมีโอกาสที่สามารถสร้างการเติบโตไปได้อีกนาน อีกทั้ง เป็นธุรกิจที่ต้องเดินหน้าคู่ขนานไปกับการเติบโตของการก่อสร้าง การพัฒนาเมือง และประเทศ
-
ผู้เล่นในธุรกิจสีส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตในประเทศ (local play) การเข้ามาสู่ตลาดของคู่แข่งรายใหม่ ๆ หรือบริษัทต่างชาติไม่สามารถทำได้ง่าย
-
พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป คนรุ่นใหม่สามารถเลือกผลิตภัณฑ์สีทาบ้าน หรืออาคารกันด้วยตนเองกันมากขึ้น
-
ประเทศไทยมีการพัฒนา และลงทุนในงานโครงสร้างพื้นฐานอยู่เสมอ ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างจะฟื้นตัวได้เร็ว และเป็นโอกาสของ DPA
-
การออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง การขยายช่องทางการจำหน่าย การทำการตลาดเชิงรุก จะเงินที่ได้จากการเข้ามาระดมทุน จะเพิ่มโอกาสการเติบโต
9. ผู้ถือหุ้นใหญ่ เลือดสีที่เข้มข้น
โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท จะมี “กลุ่มคุณอาจณรงค์ ตั้งคารวคุณ” ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทด้วย ในสัดส่วนก่อน IPO 96.18% และภายหลังการขายหุ้น IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 73.91% โดยสัดส่วนหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด Silent มีจำนวน 43.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 18.91% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
สิ่งที่ต้องติดตาม และความน่าสนใจ เมื่อผู้บริหารเจเนอเรชั่นที่ 2 เข้ามาร่วมสร้างความยั่งยืน และผลักดันบริษัทเข้ามาระดมทุน เพื่อขยายตลาดและสร้างการเติบโต เข้าสู่สีเดลต้ายุค 5.0 โดย “คุณรณฤทธิ์ - คุณอรรถพล ตั้งคารวคุณ” ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง “อิคิไก” (Ikigai) ที่สะท้อนถึงคุณค่าของชีวิต มาใช้ในการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ เพราะบ้านถือเป็นรางวัลชีวิตของครอบครัว จึงมุ่งเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ด้วยจุดมุ่งหมาย “ให้คุณมากกว่า” พร้อมสร้างสังคมที่ดี
บริษัทฯ ยังใช้การบริหารแบบลีน (Lean Management) ร่วมด้วย เช่น การวางแผนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและลดการสูญเสีย ควบคู่กับการขยายตลาดสีทาอาคารที่ปัจจุบันมีมูลค่า 20,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ให้เติบโตยิ่งขึ้น และยังไม่นับรวมแผนการเติบโตอื่นๆ
ด้วยวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ คือ “เป็นบริษัทชั้นนำที่มอบคำตอบอันชาญฉลาดแห่งเทคโนโลยีการเคลือบผิว (Coating Solution) ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าที่มากกว่า เพื่อให้ผู้คนได้เฉลิมฉลองทุกก้าวใหม่ๆ ของชีวิต อย่างคุ้มค่าและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม”

*****************************************