หุ้นไอพีโอน้องใหม่ “บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE” ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณาอย่างครบวงจร ที่ปักหมุดฉายสปอร์ตไลท์เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 เมษายน นี้ มั่นใจอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาทุกแฟลตฟอร์มยังเป็นที่ต้องการของทุกธุรกิจ ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและโปรโมชั่นต่างๆ บวกกับเงินระดมทุนส่วนใหญ่ใช้ลุยโปรเจกต์โครงการในอนาคต เสริมความครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมข้างเคียง ได้แก่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ สตรีมมิ่ง แพลตฟอร์ม ทำให้หุ้น CEYE เป็นที่น่าจับตามอง สำหรับก้าวต่อไปในตลาดทุน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูล เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1. CEYE หุ้นครีเอทีฟโฆษณาครบวงจร
บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ที่มีบริการให้แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร โดยให้บริการผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณา สื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิทัลออนไลน์และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธุรกิจผลิตสื่อออนไลน์ ปัจจุบันมีจำนวน 5 สื่อ คือ Spectrum, Shifter, Love Like Laugh, Myanmar Good Friend และ Landmark ผ่านช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram, Website, Twitter เป็นต้น รวมทั้ง ให้บริการบริหารสื่อออนไลน์ให้แก่ลูกค้าบน Facebook นอกจากนี้ มีบริษัทย่อยคือ บริษัท ไม้ยืนต้น จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 99.82% ดำเนินธุรกิจให้เช่าสตูดิโอสำหรับการถ่ายภาพยนตร์ โฆษณา และรายการโทรทัศน์ ปัจจุบันมีสตูดิโอ 5 สตูดิโอ
CEYE ภายใต้การบริหารงานของ “สุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่มีประสบการณ์อยู่ในสายงานครีเอทีฟโฆษณา มากว่า 30 ปี เชี่ยวชาญในการผลิตและสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับ International Standard ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าแบรนด์ชั้นนำ และเอเจนซี่ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยสัดส่วนลูกค้าเป้าหมายในปี 64 ลูกค้าเอเจนซีโฆษณา สัดส่วน 62.96% ลูกค้าเจ้าของผลิตภัณฑ์ 37.04%
2. แผนการระดมทุน
เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 70 ล้านหุ้น กำหนดราคา 3.86 บาท/หุ้น
เปิดให้จองซื้อในวันที่ 20 – 22 เมษายน 2565
เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ (service) วันที่ 29 เมษายน 2565 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “CEYE”
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด
ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
เงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 255.25 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง)
(1) ใช้ลงทุนโครงการในอนาคต 60 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่เกือบ 1,000 ตารางเมตร จำนวน 45 ล้านบาท และโครงการลงทุนในส่วนอุปกรณ์การถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ และลงทุนในส่วนขั้นตอนภายหลังการผลิต 15 ล้านบาท
(2) ใช้ชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน 25 ล้านบาท
(3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 170.25 ล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนการขยายธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ
3. แผนอนาคต ขยายธุรกิจสู่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ
(1) โครงการลงทุนในบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาด หรือ Creative Agency เพื่อขยายบริการไปยังธุรกิจต้นน้ำ
(2) โครงการลงทุนในบริษัท โพสต์ โปรดักชั่น สำหรับวีดีโอ ภาพยนตร์ และซีรีส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างมาก และเป็นตลาดใหม่ของบริษัท
(3) โครงการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจออนไลน์ มีเดีย
(4) โครงการลงทุนสตาร์ทอัพและสร้างทีมนวัตกรรม เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่รวบรวมการให้บริการ และสร้าง Ecosystem ของกลุ่มครีเอทีฟคอนเทนต์ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จะพิจารณาการใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น และเพื่อการเติบโตในอนาคต
4. นโยบายการจ่ายปันผล 40%
บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะบริษัท ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น โดยหลังจากเข้ามาระดมทุน มองว่าก็จะเป็นหุ้นปันผลที่มีการเติบโตในอนาคต
5. ภาพรวมผลประกอบการฟื้นหลังโควิด
ภาพรวมผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 64 บริษัทฯ มีรายได้รวม 272.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.53% และมีกำไรสุทธิ 28.45 ล้านบาท เติบโต 101.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการเติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ รวมทั้ง การผ่อนปรนมาตรการภาครัฐในช่วงไตรมาส 4/64 ส่งผลให้มีความต้องการด้านครีเอทีฟโฆษณา และงานโปรดักชั่นเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมีรายได้รวม 87.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.95%จากไตรมาสก่อน และกำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1,430.00% จากไตรมาสก่อน เป็นสัญญาณบวกสอดรับกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้ง ปัจจุบัน บริษัทฯ มีบริการที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ หรือไม่ต่ำกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด-19 โดยในปี 2562 มีรายได้รวม 311.74 ล้านบาท กำไรสุทธิ 38.57 ล้านบาท
6. สัดส่วนรายได้ปี 64 ธุรกิจภาพนิ่งยืนหนึ่ง
ปี 64 สัดส่วนรายได้จากการให้บริการผลิตภาพนิ่ง 50.07% ผลิตภาพเคลื่อนไหว 26.73% รายได้จากการให้บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ 11.50% รายได้จากการให้เช่าสตูดิโอ 3.82% และรายได้จากการให้บริการอื่นๆ ได้แก่ บริหารสื่อออนไลน์ (Social Media Management) และผลิตสื่อออนไลน์ (Online Media) อยู่ที่ 5.50% ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ที่น่าจับตามอง เพราะกำลังจะต่อยอดไปสู่รูปแบบบริการ และกิจกรรมใหม่ๆ ที่บริษัทมั่นใจว่าจะเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่จะสามารถสร้างความเติบโตได้ในระยะยาว และมีรายได้อื่นอีก 2.38%
7. คู่แข่ง
ถ้าเทียบกับในตลาดหลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเหมือน CEYE ถือได้ว่าไม่มีคู่แข่งโดยตรง เนื่องจากบริษัทฯ มีบริการด้านครีเอทีฟ และโปรดักชั่นที่หลากหลาย มีธุรกิจสตูดิโอ และออนไลน์มีเดีย ถือได้ว่าครบวงจร และด้วยบริการที่หลากหลาย ทำให้แต่ละบริการมีคู่แข่งที่แตกต่างกันออกไป
8. จุดแข็ง
- การให้บริการแบบครบวงจร เป็น One stop services creative and production solution ด้วยกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ มาตรฐานระดับสากล
- ทีมผู้บริหารและผู้ก่อตั้งมีชื่อเสียงด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงการโฆษณา ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ
- ธุรกิจสามารถยืดหยุ่นตามสถานการณ์ มีกลยุทธ์การพัฒนาสื่อเป็นของตัวเอง รับเทรนด์การเติบโตในยุคดิจิทัล เนื่องจากธุรกิจมีความจำเป็นต่อการโฆษณาในทุกยุคสมัย
- รายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดในปี 2564 ที่ผ่านมา
- ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งแม้ในสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯ มี D/E ณ สิ้นปี 2564 ในระดับต่ำเพียง 0.41 เท่า
9. การดิสรัปของธุรกิจ
คุณสุวรรณีเล่าว่า "เป็นความเชื่อที่ว่า ดิจิทัลไม่สามารถดิสรัปศิลปะได้ เราแค่เปลี่ยนเครื่องมือในการสร้างสรรค์ผลงาน ด้วย Core Business ของเราคือการสื่อสาร และเป็นจุดแข็งในการสร้างแบรนด์ผ่านภาพนิ่งและเคลื่อนไหว เป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์ให้ลูกค้า บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ดังนั้น ในเรื่องของงานครีเอทีฟคอนเทนต์ก็สามารถจัดทำได้หมด เพียงแต่ต้องเดินให้ทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและโลกยุคใหม่ อีกทั้ง CEYE ได้เข้ามาให้บริการด้าน Social Media Management และทำ Online Media ของบริษัทเอง เพื่อสอดรับความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันบริษัทได้ถือว่า CEYE เข้าไปในโลกยุคดิจิทัลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยังไม่นับรวมโอกาสใหม่ๆ หลังจากการนำเงินระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทยสู่ระดับสากล"
**********************************************