บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ประกอบธุรกิจ เกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 2 พ.ย.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ เกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ประกอบธุรกิจ เกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ผลิตภัณฑ์สุกร สัตว์ปีก และไข่ไก่ อาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง และอาหารสัตว์เลี้ยง
รวมถึงการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ฟาร์มและการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
มีแบรนด์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในตลาด ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า อาทิ
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์อนามัย เนื้อสัตว์แปรรูป และอาหารแปรรูป ภายใต้แบรนด์ Betagro และ S-Pure
ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ ITOHAM
ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ภายใต้แบรนด์ Betagro,Balance และ MASTER
ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ภายใต้แบรนด์ Better Pharma และ Nexgen
ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ Perfecta,DOG n joy และ CAT n joy
2.ขายไอพีโอจำนวน 500 ล้านหุ้น คิดเป็น 25%
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ประกอบด้วย
หุ้นสามัญเพิ่มทุน 434.80 ล้านหุ้น
และอาจพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment Option) 65.20 ล้านหุ้น
3.เคาะราคาไอพีโอ 40 บาท คิดเป็น P/E ที่ 21.9 เท่า
ราคาเสนอขายหุ้นละ 40 บาท หากพิจารณากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (1 ก.ค.64-30 มิ.ย.65) ซึ่งเท่ากับ 3,650.1 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้ว 1,934.80 ล้านหุ้น ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (ไม่รวมกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.89 บาทต่อหุ้น และ P/E ประมาณ 21.2 เท่า
หากภายหลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้มีจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้ว 2,000 ล้านหุ้น (มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) กำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 1.83 บาทต่อหุ้น และ P/E ประมาณ 21.9 เท่า
เทียบ P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกันในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 3 บริษัท
บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) มี P/E Ratio ที่ 25 เท่า
บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) มี P/E Ratio ที่ 32.8 เท่า
บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) มี P/E Ratio ที่ 27.3 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 500 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 2,000 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 5.00 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 12.64 บาท/หุ้น สิ้น มิ.ย.65
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 2 พ.ย.นี้
หมวดธุรกิจ : อาหารและเครื่องดื่ม
ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.เกียรตินาคินภัทร และบล.บัวหลวง
ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.กสิกรไทย,บล.กรุงศรี,บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง,บล.ทรีนีตี้,บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) และบล.อินโนเวสท์ เอกซ์
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น

4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินลงทุนเข้าซื้อ/ก่อสร้างฟาร์ม โรงงานแห่งใหม่

6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7.18% งวด 6 เดือน ปี 65
รายได้และกำไรของ BTG ตั้งแต่ปี 63-64 และ 6 เดือน ปี 65 เป็นดังนี้
|
ปี 63 |
ปี 64 |
6 เดือน ปี 65 |
รายได้รวม (ลบ.) |
80,631.5 |
86,743.7 |
54,193.2 |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
2,341 |
839 |
3,892.5 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
2.90 |
0.97 |
7.18 |
7.มี D/E อยู่ที่ 2.10 เท่า
BTG มีระดับ D/E สิ้นมิ.ย.65 อยู่ที่ 2.10 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้น มิ.ย.65 ดังนี้
สินทรัพย์รวม :58,149.5 ลบ.
หนี้สินรวม : 39,390.6 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 18,758.9 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 2.10 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 13.47%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) : 44.23%
8.หลังไอพีโอ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด ยังถือหุ้นใหญ่ 36.2%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด ยังคงถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 36.2% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้
