บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ประกอบธุรกิจ ผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 5 พ.ค.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง
บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ประกอบธุรกิจ เป็นผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง โดยมุ่งเน้นคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพด้วยทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ให้แข็งแรง
เป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงของคนไทยรายแรก ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และได้รับการยอมรับอย่างสูงจากบริษัทผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ระดับนานาชาติจำนวน ต่อเนื่องกว่า18 ปี
2.ขายไอพีโอจำนวน 94 ล้านหุ้น คิดเป็น 29.94%
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 94,000,000 หุ้น คิดเป็น 29.94% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
3.เคาะราคาไอพีโอ 6 บาท คิดเป็น P/E ที่ 27.45 เท่า
ราคาเสนอขายหุ้นละ 6 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 27.45 เท่า คำนวณจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 ม.ค.-31 ธ.ค.64) ซึ่งเท่ากับ 68.63 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ หลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 314 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.22 บาทต่อหุ้น
เทียบ P/E ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา (19 เม.ย.64 ถึง 18 เม.ย.65) จำนวน 2 บริษัท ดังนี้
บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) มี P/E ratio ที่ 19.82 เท่า
บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) มี P/E ratio ที่ 57.97 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 94 ล้านหุ้น คิดเป็น 29.94% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 314 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 1.21 บาท/หุ้น สิ้นปี 64
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 5 พ.ค.นี้
หมวดธุรกิจ : บริการ
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)
ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ,บล.กรุงศรี,บล.เคจีไอ (ประเทศไทย),บล.เคทีบีเอสที และบล.ทรีนีตี้
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
1.ผู้มีอุปการคุณ 14.10 ล้านหุ้น 15%
2.บุคคลผู้มีความสัมพันธ์ และพนักงาน 9.40 ล้านหุ้น 10%
3.บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย 70.50 ล้านหุ้น 75%
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินขยายธุรกิจ งานวิจัย-พัฒนาวัคซีนสำหรับปศุสัตว์
6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.45% (งวดปี 64)
รายได้และกำไรของ BIS ตั้งแต่ปี 62-64 เป็นดังนี้
|
ปี 62 |
ปี 63 |
ปี 64 |
รายได้ (ลบ.) |
1,884.27 |
1,783.71 |
1,986.51 |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
61.35 |
54.45 |
68.63 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
3.26% |
3.05% |
3.45% |
7.มี D/E อยู่ที่ 2.44 เท่า
BIS มีระดับ D/E สิ้นปี 64 อยู่ที่ 2.44 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน สิ้นปี 64 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 919.11 ลบ.
หนี้สินรวม : 652.28 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 266.82 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 2.44 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 7.92%%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) : 28.61%%
8.หลังไอพีโอ บริษัท บีไอเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ยังถือหุ้นใหญ่ 33.03%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว บริษัท บีไอเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 33.03% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้
9.จำนวนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period เท่ากับ 24,595,520 หุ้น คิดเป็น 7.83%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period : จำนวน 24,595,520 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.83 ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้