เช้านี้ CPALL ดิ่งต่ำสุด 2.4% หลังเพิ่งถูกโบรกฯหั่นเป้ากำไร เหตุหวั่นโลตัสส์ฟื้นช้ากว่าคาด แต่ยังมองกำไร Q2/65 แจ่ม คาดโต 70 – 91% รับ SSSG ร้านสะดวกซื้อฟื้นแรง ขณะที่จุดพีคปีนี้ รออยู่ครึ่งปีหลัง รับเปิดประเทศเต็มที่ – ไฮซีซั่นรอหนุน ดันกำไรปี 65 พลิกโตรอบ 2 ปี ราว 24 – 37%
*** เช้านี้ดิ่งต่ำสุด 2.4% หลังถูกหั่นเป้ากำไร
ราคาหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวลงต่ำสุดที่ราคา 59.75 บาท ลดลง 2.4% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 60.75 บาท ลดลง 0.5 บาท หรือ -0.82% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 70.02% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น CPALL เช้านี้ ปรับตัวลงต่ำสุด 2.4% เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงลบ หลังถูกนักวิเคราะห์ในตลาดปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ลง โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน เพิ่งปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ลง 4% เหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 25% จากปีก่อน
ปัจจัยที่ทำให้ บล.โนมูระ พัฒนสิน ตัดสินใจปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ลงจากเดิม เป็นเพราะมองว่า ผลการดำเนินงานของ MAKRO มีแนวโน้มอ่อนแอมากกว่าที่คาด จากการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของโลตัสส์ปี 65 มีแนวโน้มเติบโตเพียง 2% จากปีก่อนเท่านั้น สะท้อน SSSG ช่วงครึ่งปีแรก ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ
*** แต่โบรกฯมองกำไร Q2/65 ยังฟื้นแรง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมิน กำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ของ CPALL ไว้ที่ 3.5 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 90% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลังการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้กำลังซื้อฟื้นตัวกลับสู่ระดับใกล้ปกติ อีกทั้งภาวะเงินเฟ้อสูง ทำให้ผู้บริโภค หันมาซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น เพื่อลดภาระต้นทุนการเดินทาง
เช่นเดียวกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ของ CPALL จะเติบโตขึ้น 70% จากปีก่อน หนุนโดย SSSG ของร้านสะดวกซื้อที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 13% อีกทั้ง จำนวนผู้ใช้บริการร้านสะดวกซื้อ มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 880 คน/ร้าน/วัน เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน จากการเปิดเทอมของโรงเรียน และการเดินทางที่เพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จของร้านสะดวกซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 86 บาท/บิล เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน เนื่องจากมีการขายสินค้าแพ็คใหญ่ และการปรับราคาขายขึ้น เพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุน จากจำนวนร้านสะดวกซื้อที่เพิ่มขึ้นราว 150 สาขา ในช่วงไตรมาส 2/65 อีกด้วย
*** กูรูชี้จุดพีครออยู่ครึ่งปีหลัง เปิดเมืองหนุน
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปี 65 ของ CPALL มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนจากมาตรการรัฐ ที่พยายามผลักดันการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น จากการเปิดเมือง หรือ จัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อในจังหวัดท่องเที่ยว ที่มี SSSG ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ประเมินว่า SSSG ร้านสะดวกซื้อของ CPALL ในช่วงไตรมาส 3/65 จะเป็นบวกได้ราว 10% อย่างต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศ และ การกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่ ของลูกค้ากลุ่มโรงแรม, จัดเลี้ยง และร้านอาหาร เป็นต้น ขณะที่ เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 4/65 จะเป็นช่วงไซวีซั่นของธุรกิจ ตามฤดูท่องเที่ยว
สอดคล้องกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่มองว่า CPALL จะมีผลการดำเนินงานเติบโตมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 65 มีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังมีการเดินหน้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ ผลการดำเนินงานของโลตัสส์เริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังทยอยรีแบรนด์ ประกอบกับ รายได้ค่าเช่าพื้นที่ฟื้นตัว
โดยสรุป มีนักวิเคราะห์ 3 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ไว้ดังนี้
บล. | กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) | %chg YoY |
เมย์แบงก์ฯ | 17,771 | 37 |
โนมูระฯ | 16,238 | 25 |
เอเชีย พลัส | 16,018 | 24 |
*** โบรกฯชี้พื้นฐาน – Valuation ยังน่าสนใจ
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า หุ้น CPALL ยังมีความน่าสนใจ แม้จะเพิ่งถูกปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ลงก็ตาม เนื่องจากมองว่า ผลการดำเนินงานของร้านสะดวกซื้อที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จะสามารถชดเชยผลการดำเนินงานของโลตัสส์ที่มีแนวโมเติบโตได้ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม
อีกทั้ง ราคาหุ้นของ CPALL ณ ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์สูงราว 19% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของเราที่ 72 บาท/หุ้น ประกอบกับ ผลการดำเนินงานหลักปี 65 – 66 ของ CPALL มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 63% สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มค้าปลีก รองจาก CRC จึงยังคงเป็นหุ้น Top Picks ในกลุ่ม คู่กับ CRC
สอดคล้องกับ บล.เอเซีย พลัส ที่ประเมินว่า ผลการดำเนินงานหลักของ CPALL ในปี 65 – 66 มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 56% จากการที่สินค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นสินค้าอุปโภค – บริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ซึ่งมีความต้านทานต่อสภาวะเงินเฟ้อได้ดีกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" มั่นใจงบกำลังฟื้น
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าผลการดำเนินงานของ CPALL กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 อีกทั้งยังมองว่า ในปี 66 มีแนวโมสูงที่จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ลดความรุนแรงลง และสามารถเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้เต็มปี ครั้งแรกในรอบ 2 ปี
บล. | คำแนะนำ | ราคาเหมาะสม (บ.) |
เมย์แบงก์ฯ | ซื้อ | 79.00 |
ทิสโก้ | ซื้อ | 76.00 |
เอเชีย พลัส | ซื้อ | 73.50 |
หยวนต้า | ซื้อ | 73.00 |
โนมูระฯ | ซื้อ | 72.00 |
ราคาเฉลี่ย | 74.70 |
หากนักลงทุนพิจารณาราคาหุ้น CPALL ที่ซื้อ – ขาย ณ ปัจจุบัน เทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของโบรกเกอร์ จะพบว่า CPALL ยังมีอัพไซด์อีกถึง 23% อีกทั้งผลการดำเนินงานในระยะสั้น อย่างงวดไตรมาส 2/65 มีแนวโน้มพลิกกลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ลากยาวไปถึงช่วงครึ่งปีหลังเป็นอย่างน้อย ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 65 มีแนวโน้มพลิกเติบโตครั้งแรกรอบ 2 ปีอีกด้วย ...