หลังจากมีประเด็นศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตัดสินให้ยกเลิกการเก็บภาษีการค้า(Tariff) ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยประกาศใช้ภายใต้ชื่อ "Liberation Day" โดยศาลระบุว่าภาษีดังกล่าวละเมิดอำนาจตามกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการใช้ภาษีในลักษณะนี้เกินขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีภายใต้กฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) และถือเป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหารเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
โดยรายงานของ Goldman Sachs เปิดเผยว่า ผลกระทบของคำตัดสินของศาล คือ รัฐบาล ต้องหยุดการเก็บภาษีใหม่ภายใน 10 วัน และไม่มีคำสั่งให้คืนเงินภาษีที่เก็บไปแล้ว ขณะที่ คำตัดสินไม่กระทบภาษีตามกฎหมายอื่น เช่น
- มาตรา 232: เหล็ก อะลูมิเนียม รถยนต์
- มาตรา 301: แก้ไขการค้ากับประเทศที่ไม่เป็นธรรม
- มาตรา 122: ขึ้นภาษีทั่วกระดาน 15% ได้นาน 150 วัน โดยไม่ต้องสอบสวน
ซึ่งทางเลือกของรัฐบาลหลังคำตัดสิน สามารถใช้กฎหมาย ได้ 4 มาตรตราคือ
1. ใช้มาตรา 122: ออกภาษีใหม่ได้ถึง 15% ทั่วกระดานในไม่กี่วัน (แต่จำกัดเวลา 150 วัน)
2. เปิดสอบสวนตามมาตรา 301: เพื่อขึ้นภาษีกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ (ใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน)
3. ขยายภาษีเฉพาะกลุ่มตามมาตรา 232: ไปยังกลุ่มสินค้าใหม่ เช่น ยา อิเล็กทรอนิกส์
4. มาตรา 338: ขึ้นภาษี 50% กับประเทศที่เลือกปฏิบัติกับสหรัฐฯ (ยังไม่เคยใช้)
โดยแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะทำจากนี้ และน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด คือ รัฐบาลน่าจะรีบใช้มาตรา 122 เพื่อออกภาษีใหม่ชั่วคราว แล้วค่อยใช้มาตรา 301 เป็นกลยุทธ์ระยะยาว
ส่วนผลกระทบ ประเทศคู่ค้า อาจจะดีต่อประเทศรายเล็ก ที่มีโอกาสรอดภาษีหากรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถหาช่องทางต่ออายุมาตรา 122 ได้หลังครบ 150 วัน
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ได้รวบรวมขั้นตอนอุทธรณ์การระงับการจัดเก็บภาษีของศาลและรัฐบาลของโดนัลด์ทรัมป์ รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ไว้ดังนี้
