วิเคราะห์ผลกระทบและแนวโน้ม
หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนึ่งในนโยบายที่โดดเด่นคือ การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า โดยกลุ่มประเทศเป้าหมายแรก ได้แก่ แคนาดา เม็กซิโก และจีน แม้ว่าจะมีการขยายเวลาการจัดเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับความมั่นคงชายแดน
อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรป เวียดนาม และไทย ถือเป็นกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงสูงในการถูกใช้มาตรการภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือต่อรองผลประโยชน์กับสหรัฐฯ โดยพิจารณาจาก มูลค่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ และ สัดส่วนการพึ่งพาตลาดส่งออกของแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับ Nominal GDP
• แคนาดา พึ่งพาตลาดส่งออกสหรัฐฯ 28.6% ของ Nominal GDP
• เม็กซิโก พึ่งพาตลาดส่งออกสหรัฐฯ 18.2% ของ Nominal GDP
• จีน เป็นประเทศที่มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงสุด
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะแรงกดดันที่อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจน ได้แก่
• อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีห่วงโซ่อุปทานการผลิตที่ต้องพึ่งพา การนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดามากกว่า 50%
• อุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งสหรัฐฯ มีการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมจากแคนาดาและเม็กซิโก ถึง 63% ของการนำเข้าน้ำมันทั้งหมด
หากต้นทุนสินค้านำเข้าสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อาจชะลอการปรับลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า สงครามการค้าครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและการส่งออกของไทย โดยแบ่งออกเป็น ผลกระทบทางตรงและทางอ้อม
1. ผลกระทบทางตรง
การส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ อาจลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงและมีความอ่อนไหวต่อราคา ได้แก่
• สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน
• แผงโซลาร์เซลล์
• ยางล้อรถยนต์
• เครื่องปรับอากาศ
2. ผลกระทบทางอ้อม
นอกจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ แล้ว การแข่งขันในตลาดโลกอาจรุนแรงขึ้น เนื่องจากจีนอาจผลักดันสินค้าของตนไปยังตลาดอื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อไทยโดยตรงในกลุ่มสินค้า ดังนี้
• ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
• เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
• ของเล่น
เนื่องจากไทยมีข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบต่ำกว่าจีนในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ขณะเดียวกัน การส่งออกไทยไปจีน ก็อาจได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานในจีน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า เช่น
• ยางพารา
• พลาสติก
• ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
โอกาสและทางออกของไทย
อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯ ชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทย อาจทำให้ไทยได้รับประโยชน์ ระยะสั้น จากการส่งออกสินค้าบางกลุ่มไปทดแทนสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีนที่ถูกเก็บภาษีไปแล้ว โดยเฉพาะ
• สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน
• เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
• ยางรถยนต์
• เครื่องใช้ไฟฟ้า
สรุป
นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างผลกระทบทั้งในระดับโลกและต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง สินค้าไทยที่ได้รับผลกระทบหลัก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ แผงโซลาร์เซลล์ ยางล้อ และเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม หากไทยสามารถปรับกลยุทธ์และหาโอกาสจากช่องว่างทางการค้าได้ ก็อาจลดผลกระทบจากสงครามการค้าครั้งนี้ได้บางส่วน
“สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ไว้ดังต่อไปนี้
