ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีที่ผ่านมาให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 3.35% ซึ่งหากมองหาอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าภาพรวมตลาดพบว่ายังมีกลุ่มธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้อัตราผลตอบแทนน่าสนใจสูงสุดถึง 8.90% ซึ่งกลุ่มธุรกิจดังกล่าวที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีจำนวนทั้งสิ้น 59 กอง แต่มี 48 กอง ที่ให้อัตราเงินปันผลตอบแทน (สำรวจข้อมูลจาก Setsmart)
หากแบ่งกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) พบว่ามี 33 กองที่ให้ผลตอบแทน โดย 10 อันดับแรกที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 7.60% โดย 3 อันดับแรกได้แก่ M-STOR , URBNPF, POPF ตามลำดับ
*** M-STOR คลังสินค้าห้องเย็น-ปรับอากาศ ให้ผลตอบแทนสูงสุด 8.90%
อัตราเงินปันผลตอบแทนอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยกให้ M-STOR กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-สแตรทิจิกสโตเรจฟันด์ ซึ่งลงทุนโดยซื้อกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (freehold) ประกอบด้วยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และอุปกรณ์ ของบริษัท สยามนิปปอน เอ็นจิเนียริ่งพาร์ท จำกัด บริษัทเกษตรเหนือ จำกัด บริษัท อะกรีเวิลด์ จำกัด และบริษัท พี.พี.ฟูดส์ ซัพพลาย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการห้องเย็น และการรับฝากสินค้า โดยให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มนี้คือ 8.90% ให้อัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26.06%
*** URBNPF อาคารห้องชุด-อพาร์ตเมนต์ ผลตอบแทน 8.03%
อันดับ 2 คือURBNPF กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา ลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาว (leasehold) ในที่ดิน อาคารพักอาศัยบางส่วนซึ่งประกอบด้วยห้องชุดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สิ่งปลูกสร้าง พร้อมส่วนควบรวมบนที่ดินที่เช่าซึ่งใช้ในการดำเนินโครงการเออร์บานา หลังสวน โดยให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 8.03% ให้อัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.61%
*** POPF อาคารสำนักงานผลตอบแทน 7.67%
อันดับ 3 คือ POPF กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ ลงทุนในสิทธิการเช่า (leasehold) ที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้างพร้อมซื้ออุปกรณ์และงานระบบที่เกี่ยวเนื่องของอาคารยูบีซี 2 ลงทุนในกรรมสิทธิ์อาคารและสิ่งปลูกสร้างพร้อมงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง และรับโอนสิทธิการเช่าที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ และลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดิน อาคารสำนักงานจำนวน 4 อาคาร รวมพื้นที่จอดรถ และงานระบบภายในอาคารในโครงการบางนา ทาวเวอร์ โดยให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 7.67% ให้อัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.50%
ส่วนกลุ่มธุรกิจกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) พบว่ามี 15 กองที่ให้ผลตอบแทน โดย 10 อันดับแรกที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 5.09% โดย 3 อันดับแรกได้แก่ SRIPANWA , AMATAR , GVREIT ตามลำดับ
*** SRIPANWA โรงแรมศรีพันวา ชนะเลิศในกลุ่มทรัสต์ผลตอบแทน 7.03%
อัตราเงินปันผลตอบแทนอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจกองทรัสต์ คือ SRIPANWA ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา โดยลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารสิ่งปลูกสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และระบบสาธารณูปโภคของโครงการโรงแรมศรีพันวา ประกอบด้วย ที่ดิน 27 ไร่ อาคารบ้านพักแบบวิลล่า 39 หลัง อาคารโรงแรม 30 ห้อง เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ 7 ห้อง และอาคารส่วนกลางที่ใช้ในโครงการโรงแรมศรีพันวา ซึ่งในปี 2561 ให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 7.03% ให้อัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,956.25%
*** AMATAR โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ผลตอบแทน 6.90%
อันดับ 2 คือ AMATAR ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอมตะซัมมิทโกรท ลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารโรงงานจำนวน 88 โรง ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ระยอง ให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 6.90% ให้อัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.11%
*** GVREIT อาคารสำนักงาน ให้ผลตอบแทน 5.74%
GVREIT ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ ลงทุนใน 1.สิทธิการเช่าพื้นที่บางส่วนในอาคาร ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ (ไม่รวมพื้นที่ของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ) ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนเพลินจิต-วิทยุ และ2. สิทธิการเช่าช่วงที่ดินและอาคาร สาทร สแควร์ ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนนราธิวาสราชนครินทร์-สาทร ให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 5.74% ให้อัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.33%
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้พบว่าการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์ ให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามนั้นคือข้อมูลย้อนหลังซึ่งเป็นผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ สุดท้ายแล้วนักลงทุนควรไตร่ตรองการลงทุนให้เหมาะสมกับแนวทางของตนเอง