MC ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ มุ่งสู่การเป็น "Lifestyle Brand" ที่ไม่ใช่แค่การขายยีนส์ แต่จะเพิ่มความหลากหลายของดีไซน์สินค้าและกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นแบรนด์ที่ทุกคนใส่ได้ทุกวัน พร้อมลุยเปิด "Mc OUTLET" ดันยอดขาย พร้อมเลิกการทำแคมเปญ "ลด แลก แจก แถม" หันมาเน้นทำมาร์จิ้นมากขึ้น

*** ลงทุนสร้างแบรนด์ มุ่งสู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ได้ขายแต่ยีนส์
นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เจ้าของแบรนด์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยกับ"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ขณะนี้บริษัทกำลังมุ่งกลยุทธ์ครั้งใหญ่ สู่การเป็น "Lifestyle Brand" ทั้งในแง่ดีไซน์ใหม่ที่เหมาะกับคนหลากสไตล์ และสินค้าที่ไม่ใช่หมวดเสื้อผ้า พนักงานขายหน้าร้าน จะถูกเทรนใหม่ให้แนะนำลูกค้าจับคู่สินค้าแบบ Total Look สนใจยีนส์พ่วงเสื้อยืด เสริมด้วยกระเป๋ากับเข็มขัด มากกว่าจะมุ่งขายเฉพาะยีนส์อย่างเดียว ซึ่งหลังได้เริ่มปรับกลยุทธ์ เห็นชัดว่ามียอดขายต่อบิลเพิ่มขึ้นได้จริง
พร้อมกันนี้จะลงทุนกับการสร้างแบรนด์ให้มากขึ้น ซึ่งเราต้องการเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคใช้สินค้าได้ทุกวัน ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” มุ่งขยายสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ สินค้าตอบโจทย์คน ทุกกลุ่ม ทุกรูปร่าง ใส่ได้ทั้งหมด
ในปี 66 ก็จะมีแคมเปญแบบนี้ออกมามากขึ้น รวมถึงแผนการหยุดการทำแคมเปญ ลด แลก แจก แถม ลดการทำโปรโมชันที่ไม่เหมาะสม หรือซื้อ 1 แถม 1 อาจจะกระทบยอดขายบ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่จะได้กลับมาคือ มาร์จิ้นที่ดีขึ้น
***ลุยเปิดสาขา-ขยายออนไลน์
การเปิด “แม็ค เอาท์เล็ท” (Mc OUTLET) เมื่อกลางปี 65 ได้ดำเนินการเปิดแล้ว 72 สาขา โดยสาขาที่เปิดใหม่ มียอดขายสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สาขาในต่างจังหวัด ยอดขายฟื้นทั้งหมดตามการเปิดเมืองโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว ส่งผลดีต่อ MC เพราะมีฐานลูกค้าหลักในต่างจังหวัด
ส่วน Mc OUTLET ใกล้เมือง มีที่เมืองทองธานี ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 400 ตารางเมตร ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก จัดงานได้เต็มที่สินค้าออกวางจำหน่ายได้เต็มที่
และในปีบัญชี 65/66 บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุน 80-90 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม รวมทั้งมีแผนเปิด Mc OUTLET เพิ่มอีก 15 แห่ง ซึ่งจะทำให้สิ้นงบปี 66 จะมีสาขา Mc OUTLET จำนวน 87-88 สาขา ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะสร้างยอดขายที่สำคัญให้กับบริษัท ทำให้แบรนด์แม็คยีนส์สามารถเข้าถึงลูกค้าและนักเดินทาง และยังเป็นช่องทางการขายที่ทำให้บริษัทเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
บริษัทจะใช้กลยุทธ์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านช่องทางมาร์เก็ตเพลสและพันธมิตรออนไลน์ทั้ง Shopee, Lazada สำหรับช่องทางโซเชียลมีเดียก็แข็งแกร่งเช่นกัน โดยในอนาคตวางเป้ายอดขายจากช่องทางออนไลน์ที่ 15% ของยอดขายรวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 10-12% ซึ่งยอดขายผ่านออนไลน์ทรงตัว เพราะหลังเปิดเมือง ยอดขายไปเติบโตทางออฟไลน์มากขึ้น จากปัจจุบัน มีจุดขายรวม 600 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนแผนการขยายสาขาในต่างประเทศ ยังคงมีความสนใจประเทศเพื่อนบ้านและอยู่ระหว่างศึกษา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะในตอนนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในประเทศเป็นหลัก

*** ชูกลยุทธ์เน้นสร้างกำไร ลดการแข่งขันด้านราคา
บริษัทยังคงกลยุทธ์เน้นสร้างกำไร ลดการแข่งขันด้านราคาลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (gross profit margin) สูงขึ้นเป็น 65% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่สูงกว่า 14.8% หลังปรับแผนกลยุทธ์ด้วยการลดโปรโมชั่นลง และยังใช้วัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำและควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการปรับเกมการตลาดเน้นทำ Product Mix ตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการบริหารช่องทางจัดจำหน่ายได้สอดคล้องเหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาอย่างลงตัวง
วัตถุดิบหลัก คือผ้า จะสต็อกผ้าล่วงหน้า 6 เดือน มีการล็อกต้นทุนไม่กระทบมาก บริหารจัดการได้ และตอนนี้ราคาผ้าคอตตอนก็ปรับลงแล้ว ถือว่ารอบนี้จบเร็วราคาพุ่งขึ้นไปแต่จบเร็ว ส่วนค่าแรงเราจ้างเกินขั้นต่ำไม่กระทบมาก ยังบริหารงานภายในได้ไม่กระทบลูกค้า
"MC มีการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ส่งผลให้อัตรากำไรปรับเพิ่มขึ้นมา 65% และคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง มีช่องทางจำหน่ายที่ตอบโจทย์ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารวมถึงการจัดแคมเปญใหม่ๆ รองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายช่วยขยายกลุ่มลูกค้าและรายได้"
*** ปักธงรายได้-กำไรปี 66 โต 2 หลัก
บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมและกำไรปี 66 (ก.ค.65-มิ.ย.66) เติบโตตัวเลข 2 หลัก ปัจจัยหนุนจากยอดขายเติบโตได้ดีขึ้น หลังการเปิดเมืองเปิดประเทศ การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ซึ่งทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น กำลังซื้อประชาชนจะกระเตื้องขึ้น ส่งผลดีทางอ้อมต่อผลดำเนินงานของบริษัท เห็นได้จากยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 4 (เม.ย.- มิ.ย.65) กลับมาเติบโตเป็นบวกแล้ว แนวโน้มปี 66 ก็น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะการเปิดประเทศ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยคึกคักขึ้น
และจากฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือเกือบ 2,000 ล้านบาท และไม่มีหนี้สิน ทำให้มีโอกาสขยายการลงทุนในกิจการใหม่ๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทคงจุดเด่นเป็นหุ้นปันผลสูงสม่ำเสมอ เพราะฐานะการเงินแข็งแรงเป็น Net cash company