efinancethai

Special Interview

เปิดวิสัยทัศน์แม่ทัพหญิง “จิราพร ศิริคำ” แห่ง EGCO Group เสริมศักยภาพ เพิ่มโอกาส เติบโตอย่างยั่งยืน

เปิดวิสัยทัศน์แม่ทัพหญิง “จิราพร ศิริคำ” แห่ง EGCO Group เสริมศักยภาพ เพิ่มโอกาส เติบโตอย่างยั่งยืน

 

EGCO Group เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องของประเทศไทย โดยมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ และยังขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การนำของแม่ทัพหญิงคนใหม่ “จิราพร ศิริคำ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่เข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 พร้อมประกาศความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้วิสัยทัศน์  "เสริมศักยภาพ เพิ่มโอกาส เพื่อการเติบโตของ EGCO Group อย่างยั่งยืน"  โดยมุ่งผลักดันเป้าหมายการดำเนินงานที่สำคัญของ EGCO Group 3 ด้าน

 

 

***  ขับเคลื่อน EGCO Group อย่างยั่งยืน

 

 

เป้าหมายแรก คือ การเพิ่มกำลังผลิตใหม่ ควบคู่กับการบริหาร Portfolio ให้มีประสิทธิภาพ (Capacity/Portfolio) ทั้งกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน แต่ปีนี้จะโฟกัสที่พลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพราะโลกปัจจุบันกำลังมุ่งไปสู่พลังงานสีเขียว นอกจากนี้ ต้องมีการบริหาร Portfolio ให้มีประสิทธิภาพและการจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่อย่างเหมาะสม ดูว่าสินทรัพย์ไหนน่าจะมีอนาคตและควรจะส่งเสริมเพื่อให้ EGCO Group เติบโตต่อไป และสินทรัพย์ไหนที่ควรผ่องถ่ายออก โดยพิจารณาทั้งเรื่องกำลังผลิตและการลงทุนใหม่ควบคู่กันไปด้วย

 

เป้าหมายที่ 2 คือ การสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรายได้และกำไรเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อน EGCO Group ให้เติบโตไปข้างหน้า รวมทั้งส่งผลถึงการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น (Dividend) และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท (Credit Rating) ตามมา ถ้าเครดิตดี แปลว่า ต้นทุนการดำเนินงานจะต่ำลง และส่งผลบวกต่อ Bottom Line  

 

เป้าหมายสุดท้าย เรื่องการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม (Green) ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ตามกรอบ ESG ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้ผู้มีส่วนได้เสียและอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลและยั่งยืน

 

 

*** สานต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจ “Cleaner, Smarter and Stronger to drive sustainable growth”

 

 

 

 

วิสัยทัศน์ดังกล่าวของ “จิราพร” สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ EGCO Group “Cleaner, Smarter and Stronger to drive sustainable growth” 

 

เริ่มจาก Cleaner มุ่งเน้นการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานหลักให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การใช้ไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า การศึกษาและใช้เทคโนโลยี CCS หรือ CCUS การเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดใน Portfolio เพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้เป็น 30% ภายในปี 2573 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 21%

 

Smarter ให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า โดยลงทุนและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมกับการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องที่เติบโตสูง เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

และที่สำคัญจะต้องมี Stronger ด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อขยายและต่อยอดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง EGCO Group มีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านพลังงานในเยาวชนผ่านศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ตลอดจนการร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและทรัพยากรธรรมชาติผ่านการดำเนินงานของมูลนิธิไทยรักษ์ป่า

 

 

*** ฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมขยายการลงทุน 

 

 

สำหรับการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2567 ยังขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ “4S” โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูงและมีผลตอบแทนที่ดี (Select high quality projects) และการเร่งรัดบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงาน (Speed up projects under construction) เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้ EGCO Group เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเร่งรัดการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน มีความก้าวหน้าตามแผนงานเป็นลำดับ ปัจจุบันได้ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จรวม 74 ต้น ซึ่งได้ติดตั้งกังหันลม (Wind Turbine Generators - WTGs) เสร็จเรียบร้อยแล้ว 50 ต้น และเชื่อมั่นว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผนที่กำหนด

 

ในปี 2567 EGCO Group ยังมีเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1,000  เมกะวัตต์  โดยวางงบลงทุน 30,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมองถึงโอกาสการลงทุนนอกเหนือจากแผนงานที่วางไว้ ซึ่งมั่นใจว่าบริษัทมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน ทั้งกระแสเงินสดที่มีอยู่ในมือ และมีศักยภาพในการกู้เงินเพิ่มเติมจากแหล่งทุนของธนาคาร รวมถึงมีวงเงินการออกหุ้นกู้ตามที่ได้รับการอนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นรวม 30,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มี D/E อยู่ที่ 1.4 เท่า สะท้อนถึงความสามารถในการกู้เงินเพิ่ม

 

"EGCO Group ยังยืนยันตัวเลขลงทุนในปีนี้อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบันใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาท ทำให้ยังมีวงเงินเหลือรองรับการลงทุนใหม่ ในรูปแบบการซื้อกิจการ หรือ M&A ซึ่งอาจมีโอกาสขยายตัวเลขเงินลงทุนได้อีก เนื่องจากยังมีอีกหลายธุรกิจที่สนใจจะลงทุน โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าใหม่และพลังงานทดแทน"

 

จากเป้าหมายการเพิ่มกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1,000 เมกะวัตต์ บริษัทจะเร่งปิดดีล M&A ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและ Conventional ราว 2-3 โครงการ ทั้งในไทยและต่างประเทศภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที  โดยปัจจุบัน EGCO Group มีกำลังผลิตรวม 7,003 เมกะวัตต์และมีโครงการที่อยู่ใน Pipeline ที่จะ COD ในปีนี้แล้ว 370 เมกะวัตต์ เมื่อรวมกับกำลังผลิตใหม่ จะส่งผลให้กำลังผลิตทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็นราว 8,000 เมกะวัตต์ในช่วงสิ้นปีนี้

 

 

*** แสวงหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

 

 

EGCO Group ยังเดินหน้าแสวงหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนในบริษัท PT Chandra Daya Investasi (CDI) ในอินโดนีเซีย มีความร่วมมือที่ก้าวหน้า โดยมีแผนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและสนับสนุนพันธกิจในการพัฒนาพลังงานสีเขียว ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และโครงการแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังผลิตรวม 35 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 และจะทยอยแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์บางส่วน ภายในปี 2568 นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ตลอดจนศึกษาเพื่อเตรียมขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า KPE เพื่อรองรับโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม Krakatau Posco

 

สำหรับการลงทุนในประเทศ  EGCO Group มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ กำลังผลิตประมาณ 3,600 เมกะวัตต์ ที่ภาครัฐจะเปิดเพิ่มเติมในรอบที่ 2 คาดว่าครั้งนี้จะได้รับการคัดเลือก รวมถึงการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติภายใต้ร่างแผน PDP 2024

 

ตลอดจนศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขายไฟฟ้าตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ในอนาคตด้วย

 

 

*** เปิดนิคมฯ สีเขียว รองรับอุตสาหกรรมใหม่

นอกเหนือจากความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมไฟฟ้า บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง (ERIE) ที่มีพื้นที่ทั้งหมด 609 ไร่ และมีพื้นที่สำหรับขายและให้เช่า 421 ไร่ ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียวที่ใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดแบบ 100% เพื่อรองรับการลงทุนกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง นวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนกลุ่ม Data Center 

 

ปัจจุบันมีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนใน ERIE โดยพร้อมเปิดจองและเปิดดำเนินการเฟสแรกในไตรมาสที่ 3  ปี 2568 เบื้องต้นมีนักลงทุนจากประเทศจีน ให้ความสนใจเข้ามาลงทุน เพื่อขยายฐานการผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึง Data Center

 

 

 

*** เชื่อปีนี้ผลประกอบการพลิกกำไร  

“จิราพร” มั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้ของ EGCO Group จะพลิกกลับมามีกำไร เพราะไม่มีรายการพิเศษจากการบันทึกด้อยค่าทางบัญชีของโครงการ Yunlin ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยบวกช่วยสนับสนุนการเติบโต จากการเพิ่มกำลังผลิตใหม่และการสร้างรายได้และกำไร

 

ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ มาจากการรับรู้รายได้จากการทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโครงการ Yunlin โดยมั่นใจว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 ตามแผน และการรับรู้รายได้ของโครงการ APEX ในสหรัฐฯ จากการขายโครงการ และ 7 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นให้ EGCO Group อีก  211 เมกะวัตต์

 

นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา ตลอดจนผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Paju ES ในเกาหลีใต้ ที่มีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว โดยเฉพาะที่โรงไฟฟ้า  Nam Theun 1 และ Nam Theun 2 ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน และการลงทุน CDI ในอินโดนีเซีย

 

"ปีนี้จะรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการที่เข้าลงทุนในปี 2566 ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา CDI  ในอินโดนีเซีย โรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย จ.ระยอง ตลอดจนรับรู้รายได้ของ APEX ในสหรัฐอเมริกา และรับรู้กำลังผลิตของ APEX ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มอีก 211 เมกะวัตต์ รวมทั้งรับรู้การทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโครงการ Yunlin ในไต้หวัน พร้อมมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจว่าผลประกอบการของ EGCO Group ในปี 2567 จะดีขึ้นและพลิกกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง" “จิราพร” กล่าวทิ้งท้าย

 

 

 

แบบสอบถามความพึงพอใจ






ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh