efinancethai

Special Interview

เปิดยุทธศาสตร์ AOT ทุ่มลงทุนพัฒนาสุวรรณภูมิ สู่ TOP 20 สนามบินดีที่สุดในโลก-ฮับการบินภูมิภาค

เปิดยุทธศาสตร์ AOT ทุ่มลงทุนพัฒนาสุวรรณภูมิ สู่ TOP 20 สนามบินดีที่สุดในโลก-ฮับการบินภูมิภาค

 

"ท่าอากาศยานไทย" ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับท่าอากาศยาน รวมทั้งดำเนินการกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องภายใต้การบริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่ง ด้วยวิสัยทัศน์ของการผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก  การมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสร้างรายได้อย่างสมดุล

และด้วยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง  ซึ่ง "ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ AOT จะมาบอกเล่าถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในระยะถัดไป รวมถึงการเตรียมพร้อมเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค และการขยายท่าอากาศยานรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น  


*** เพิ่มขีดความสามารถ - พัฒนาระบบไอทีรองรับการให้บริการ

 

 

ปัจจุบันขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขยายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 65 ล้านคน จากเดิม 45 ล้านคน หลังได้มีการการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังใหม่ Satellite 1 (SAT-1) ซึ่ง  และการก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3  ซึ่งเปิดใช้แล้ว ทำให้มั่นใจว่าเราสามารถรองรับผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 ขณะเดียวกัน AOT ได้ดำเนินการเพิ่มขีดความสามารถโดยการใช้เทคโนโลยีมาช่วยจัดการ เพื่อให้ขั้นตอนกระบวนการเช็กอิน , ตรวจค้น, ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้เร็วที่สุด อย่างเช็คอิน มีการติดตั้งระบบ Self-Check in, Self-bag drop ทำให้ผู้โดยสารมีทางเลือก ไม่ต้องรอ 3 ชั่วโมง ตอนเคาน์เตอร์เปิด  ทำให้ผู้โดยสารมาถึงสนามบินแล้ว สามารถเช็คอินตัวเองเสร็จ ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ Air side ได้เลย โดยไม่ต้องต่อแถว เพราะมีเครื่อง Self-Check in, Self-bag drop ถึง 200 เครื่องกระจายทั่วสนามบิน ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกกับเรื่องนี้


นอกจากนี้ ยังมีระบบบริการผ่านแดนอัตโนมัติ เป็นช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติทั้งขาเข้าและขาออก (Auto Gate) ที่ AOT ร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ในการติดตั้ง ซึ่ง AOT เป็นผู้ลงทุนระบบ Auto Gate จำนวน 120 Gate  ได้ติดตั้งแล้ว  เห็นความแตกต่างการให้บริการชัดเจน ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทามาท่าอากาศยาน จากเดิมเคยต้องรอคิว ตม. 20-30 นาที ปัจจุบันไม่มีคิวแล้ว เมื่อมาถึงหน้า ตม. สามารถทาบบัตร แนบพาสปอร์ต เช็คหน้าแล้ว เดินทางผ่านได้เลย เกิดความรวดเร็วในกระบวนการ ทำให้ขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่สุวรรณภูมิเคยรองรับผู้โดยสารได้ 5,500 คน/ชั่วโมง ปัจจุบันเพิ่มเป็น 7,000 คน/ชั่วโมง ความสามารถในการรองรับผู้โดยสารตรงนี้ ทำให้ปริมาณผู้โดยสารภาพรวมสูงขึ้นตามไปด้วย

 

***  ทบทวนแผนบท - ทุ่มงบ 1.4 แสนลบ. ลงทุน South terminal และรันเวย์เส้นที่ 4

 

 

AOT ยังมีเป้าหมายในการลงทุน เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย ตั้งเป้าเดือนมี.ค.-เม.ย.68 จะทำการประมูลอาคารผู้โดยสารส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ทำให้สามารถลงทุนในส่วนของอาคารผู้โดยสารเพิ่มได้ โดยจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นราว 80,000 ตารางเมตร พื้นที่ตรงนี้ จะสามารถเอามาใช้ในกระบวนการเช็กอิน ตรวจค้น และ ตม.ได้ เฟสแรกที่จะทำ East Expansion คาดใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปีจะแล้วเสร็จ

 

"ภายในเดือนเม.ย.68 จะออกการประมูลในส่วนการหาผู้สนใจ เข้ามาร่วมลงทุนในกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งโรงฝึกสอนการบิน การพัฒนาศูนย์การค้าและร้านค้าเชิงพาณิชย์ต่างๆ"


นอกจากนี้ AOT อยู่ระหว่างทบทวนแผนแม่บทพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะมีความชัดเจนในการลงทุนอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ ทางด้านทิศใต้ (South  Terminal) รวมถึงการก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 4  วงเงินลงทุนรวมทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท 


South terminal แห่งนี้   จะมีทั้งอาคารผู้โดยสาร  อาคารเทียบอากาศยาน (concourses) ลานจอดเครื่องบิน เป็นเหมือนสนามบินใหม่อีกแห่ง รองรับผู้โดยสารได้ 70 ล้านคนต่อปี ขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ใกล้เคียงกับ Main Terminal (อาคารผู้โดยสารหลัก) ในปัจจุบัน


"เมื่อมีความชัดเจนแล้ว จะไปสู่การออกแบบรายละเอียด และคาด Bidding การก่อสร้างได้ต้นปี 70 โดยรวมใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี  โดยจะศึกษาทั้งหมดว่า รันเวย์เส้นที่ 4 เมื่อก่อสร้างแล้วจะบริหารจัดการอย่างไร การบริหารจัดการเครื่องเข้าจอดทำอย่างไร การทำอาคารผู้โดยสารด้านใต้ จะมีสายการบินลักษณะไหนไปบ้าง การบริหารจัดการในส่วนของการบิน ต้องศึกษาดูในภาพรวมใหม่ทั้งหมดของสุวรรณภูมิ เพื่อให้การลงทุนเกิดประสิทธิภาพ เหมาะสมที่สุด และทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายที่สุด"

 

ความแตกต่างของแผนแม่บทฉบับเดิม และที่อยู่ระหว่างทบทวนใหม่ จะเอาจุดที่เป็นข้อด้อย หรือเป็นอุปสรรคในการให้บริการมาปรับปรุงเพิ่มเติม เช่น ปัญหารถติดสำคัญมาก จากเดิมได้ ที่วางแผนตั้งแต่ก่อสร้างสุวรรณภูมิตั้งแต่แรก พื้นที่ชานชาลา สามารถรองรับผู้โดยสารได้ยาวประมาณ  800 เมตร  แต่ปัจจุบันไม่เพียงพอแล้ว ทำให้เกิดปัญหาจราจรโดยตลอด ดังนั้นการสร้าง South Terminal ใหม่ ต้องคำนึงถึงพื้นที่ชานชาลาที่ยาวเพียงพอ เบื้องต้นวางไว้ถึง 1,200 เมตร  ทำเป็นตัว U รองรับทั้ง 3 ด้าน ทั้งผู้โดยสารในประเทศ  และระหว่างประเทศ อีกด้านหนึ่งเป็นระหว่างประเทศที่เป็น Point To Point เพื่อแยกตลาดออก ทำให้การรับ-ส่ง  หรือการเช็คอิน ในจุดที่เดินไม่ไกล  สามารถมีที่ให้จอดรถรับ-ส่ง ได้เพียงพอ

 

นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่อาจรวมอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 ( SAT-2) กับ South Terminal เข้าเป็นอาคารเดียวกัน เป็นอาคารใต้แห่งเดียว จะทำให้ภาพรวมในการให้บริการสามารถทำได้สะดวกขึ้น ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งในแง่ของวิศวกรรม ว่าแต่ละรูปแบบจะมีประโยชน์ทางด้านรับส่งผู้โดยสาร การบริหารจัดการกระเป๋า รวมถึงการบริหารจัดการการบินในภาพรวม 

 

 

*** การผลักดันสู่ 1 ใน 20 สนามบินดีที่สุดในโลก และ Region Aviation hub

 

แนวทางการพัฒนา และการขยายท่าอากาศยาน รวมถึงการให้บริการ เพื่อสอดรับเป้าหมายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ไทย ติด 1 ใน 50 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก ภายในปี 2568  และในอีก 4 ปีข้างหน้า ติด 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก 


ปัจจุบัน AOT มุ่งเน้นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในระยะสั้น คือ ทำให้ระบบเช็กอิน การตรวจค้นเร็วขึ้น   ระบบ ตม. รวดเร็ว สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้โดยสารรู้สึกเข้ามาในท่าอากาศยานแล้วได้รับความสะดวกรวดเร็ว  ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่อง  โดยการเปิด  SAT-1 ช่วยได้มาก เพราะเป็นพื้นที่ที่โล่งขึ้น กว้างขวาง ทำให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีเพิ่มขึ้น

 

อีกอย่างคือ เราไม่จำเป็นต้องมีบริการ Bus Gate อีกต่อไป พอสร้างอาคาร    SAT-1  เพิ่มสะพานเทียบอีก 28 สะพานเทียบ  จะทำให้มีพื้นที่มากพอสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ขึ้นสะพานเทียบได้ทุกลำ 

 

"ตอนนี้สามารถพูดได้ว่า อินเตอร์ไฟล์ทั้งหมดที่สุวรรณภูมิเป็นการให้บริการแบบหลุมจอดประชิดอาคาร (Contact Gate) ทำให้ Ranking ดีขึ้นด้วย" 

 

นอกจากนี้ การที่มีอาคารผู้โดยสารที่ดี มีภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกสบาย อย่าง  SAT-1  ได้รับการประกาศจากยูเนสโก ถือเป็น 1 ใน 6 ท่าอากาศยานที่สวยที่สุดในโลก ในแง่สถาปัตยกรรม และรับรางวัลที่ 1 ในแง่รูปลักษณ์อาคารด้วย ตรงนี้เป็นภาคภูมิใจของ AOT และของไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สถาปัตยกรรมและอาคารของเรา ได้รับการยอมรับจากยูเนสโกว่าเป็นอาคารที่สวยระดับโลก

 

ส่วนการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค สิ่งที่สำคัญคือ สายการบินและผู้โดยสารต้องเลือกสนามบินสุวรรณภูมิในการที่จะเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสาร เช่น ผู้โดยสารบินมาจากยุโรป มาเปลี่ยนถ่ายลำที่สุวรรณภูมิ แล้วบินต่อไปออสเตรเลีย หรือผู้โดยสารจากจีนมาเปลี่ยนที่สุวรรณภูมิแล้วไปยุโรป การที่เราจะเป็นฮับได้ อันดับที่ 1 ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่พอก่อน  ตอนนี้เราได้สร้าง SAT-1 แล้ว มีพื้นที่มากพอในการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารลงมา เปลี่ยนตั๋วและขึ้นเครื่องต่อไปได้  ตอนนี้ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานได้ทำแล้ว

 

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ดึงดูดให้สายการบินเข้ามาใช้ คือการร่วมมือกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ในฐานะเป็นสายการบินแห่งชาติ เพื่อช่วยดึงผู้โดยสารจากทั่วโลกเข้ามาเชื่อมต่อเที่ยวบินที่ไทยเพิ่มขึ้น ดึงเอาไฟล์ต่างๆ  ให้มาเปลี่ยนถ่ายเครื่องที่สุวรรณภูมิแล้วบินต่อ ซึ่งการบินไทยทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีมาก มีการเชื่อมต่อไฟล์สำคัญๆ ของยุโรป เช่น ปารีส ลอนดอน บัสเซล ตุรกี ในการดึงผู้โดยสารเหล่านี้มาที่สุวรรณภูมิแล้วเดินทางต่อ

 

"การทำหน้าที่ในการเป็นฮับเราได้เริ่มแล้ว และจะพัฒนาต่อไป โดยการคุยกับสายการบินในการเพิ่มขีดความสามารถสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร และสามารถดึงสายการบินอื่นๆ เข้ามามาใช้เราเป็นฮับสนามบินให้ได้ อย่างไรก็ตาม สุวรรณภูมิเราทำคนเดียวไม่ได้ต้องได้รับความร่วมมือกับอุตสาหกรรมกาารบินทั้งหมดในการที่จะบริหารจัดการตรงนี้"

 

*** การพัฒนาสู่สนามบินแห่งความยั่งยืน (Go Green)

 

 

ในฐานะที่ AOT เป็นรัฐวิสาหกิจ และเป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  การให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนของธุรกิจและและการใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องระดับต้นๆ  ซึ่ง AOT มีแผนแม่บทด้านความยั่งยืน  โดยเรื่องการใช้พลังงาน ตั้งเป้าชัดเจนภายใน 3 ปี จะทดแทนพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในท่าอากาศยานทั้งหมดที่เป็น day time (เวลากลางวัน) ให้เป็นพลังงานจากโซลาร์เซล ซึ่งได้ลงนามกับบริษัทผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (DCAP) เปลี่ยนแหล่งพลังงานไฟฟ้า เป็นโซลาร์เซลไปแล้ว 20 เมกะวัตต์ (MW) จากทั้งหมด 60 MW และมุ่งมั่นเดินหน้าที่จะติดตั้งให้ครบ 60 MW เพราะการเป็นท่าอากาศยานมีข้อดีคือ มีพื้นที่ข้างรันเวย์ บ่อน้ำที่ต้องเก็บน้ำเพื่อใช้งาน พื้นที่เหนืออาคาร พิ้นที่หัวท้ายรันเวย์ ที่ทำกิจการอย่างอื่นไม่ได้ แต่สามารถติดตั้งโซลาร์เพื่อบริหารจัดการเป็นไฟฟ้าได้ และก้าวไปสู่ Net Zero โดยไม่ต้องซื้อคาร์บอนเครดิตจากที่อื่นเลย เราใช้เองผลิตเองและทำเอง

 

นอกจากนี้ ยังพยายามดึงผู้ร่วมอุตสาหกรรมการบิน  ผู้ให้บริการภาคพื้น มีแผนเปลี่ยนรถที่ให้บริการทั้งหมดในสนามบินให้เป็นรถไฟฟ้าด้วย เช่น เปลี่ยนเป็นแท็กซี่ไฟฟ้า ร่วมมือกับบริษัทจัดหาแท็กซี่ไฟฟ้าในราคาที่ถูกลง  ชาร์จไฟจากพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์ ถือเป็น Ecosystem ที่ยั่งยืนและเป็นไปตามข้อกำหนดของ ESG  อย่างแท้จริง

 

ขณะเดียวกัน หารือกับสายการบินต่างๆ ในการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ปัจจุบัน มีผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ทั้ง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT , บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เริ่มการผลิต SAF แล้ว  โดยเราจะจัดให้มีแทงค์ฟาร์มในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ   ในการที่จะนำเอา SAF มาผสมกับเชื้อเพลิงเจท (JETA-1) มาเติมให้อากาศยาน มองว่าภายใน 2 ปีข้างหน้า น้ำมัน SAF ผสม 2% จ่ายให้กับอากาศยานทุกลำ

 

อีกเรื่องที่สำคัญคือ น้ำ ปัจจุบันตั้งแผนแม่บทเรื่องแผนบริหารจัดการน้ำ เพราะมีบ่อน้ำ ที่อยู่รอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  จะนำมาเป็นต้นกำเนิดผลิตน้ำประปาใช้เอง และนำมาใช้หมุนเวียนในระบบ  เพื่อลดการใช้น้ำที่ซื้อจากภายนอก คาดแผนจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปี  ดังนั้น ความยั่งยืนทางด้านธุรกิจ ทั้ง น้ำ ไฟฟ้า ขยะ ต้องเป็นระบบบริหารจัดการ หรือ Ecosystem ที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาจากภายนอก  

 

"ค่อนข้างมั่นใจว่าเราเป็นหุ้นที่ดูแลสิ่งแวดล้อมและปฏบัติตามข้อกำหนดของทั้ง EGS และ Dow Jones Sustainability Indices (DGSI) จึงอยากให้นักลงทุนสนใจหุ้น AOT ว่าเรามีอนาคต เติบโตและใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย"

 

*** แผนธุรกิจปีงบประมาณ 68

 

AOT ในฐานะเป็นผู้ให้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่ง  ได้แก่  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่  เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ มีการตั้งเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสาร เพราะผู้โดยสารอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นตลอด โดยปี 67 มีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง อยู่ที่ 120 ล้านคนต่อปี คาดปี 68 ปริมาณผู้โดยสารจะกลับมาได้ 140 ล้านคนต่อปี นับว่าเป็นปริมาณที่เท่ากับก่อนเกิดการระบาดโควิด


ความน่าสนใจของจำนวนผู้โดยสาร พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเดินทางมากขึ้นต่อเนื่อง  เพราะในจำนวนผู้โดยสาร 120 ล้านคน พบว่า 35% เป็นการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารต่างชาติ และมองแนวโน้มยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  ขณะที่ผู้โดยสารคนไทยทรงตัว 


"สาเหตุสำคัญเกิดจากการปรับตัวของสายการบิน ที่จำนวนเครื่องบินในตลาดมีไม่พอ สายการบินส่วนใหญ่เอาเครื่องบินของตัวเองมาบินใน Loop (วนซ้ำ) ต่างประเทศ อย่าง  จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ทำให้ปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารในส่วนของอินเตอร์ ตรงนี้ถือว่าดีต่อไทย และ AOT ด้วย เพราะไทยเป้าหมายสำคัญคือการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ฉะนั้นในปี 68 เทรนด์การเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารต่างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวก็จะยังคงเพิ่มขึ้น"


 การเพิ่มขึ้นของชาวต่างชาติ  ยังนำมาซึ่งรายได้ในส่วนค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) ซึ่งมีมูลค่าสูงมากขึ้นด้วย  ฉะนั้นแผนธุรกิจของ AOT จึงเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทาง เพื่อให้สะดวกสบายในการเดินทาง แล้วเลือกไทยเป็น Destination (จุดหมายปลายทาง) ในการเดินทางต่อไป จะทำให้การหารายได้ทางธุรกิจของ AOT สามารถเติบโตไปพร้อมกับการท่องเที่ยวได้ด้วย

 
สำหรับ ปี 67  จากปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 120 ล้านคน สามารถสร้างรายได้ให้ AOT ถึง 6.67 หมื่นล้านบาท  ดังนั้น ปี 68  จากปริมาณผู้โดยสารที่คาดว่าเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านคน รายได้ของ AOT จะเติบโตสอดรับปริมาณผู้โดยสาร โดยรายได้หลักมี 2 ส่วน คือ รายได้จากกิจการการบิน (Aero)  ทั้งค่าธรรมเนียม Landing , ค่าธรรมเนียม Parking และ ค่าธรรมเนียม PSC 


ขณะเดียวกัน ยังมีรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non Aero) มาจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้โดยสารที่สนามบิน เพราะเรามีการให้สัมปทาน ในส่วนของการขายสินค้าดิวตี้ฟรี ร้านค้า ร้านอาหาร และกิจการต่อเนื่องต่างๆ โดยรายได้ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง มีตัวแปรสำคัญจากการเดินทางของผู้โดยสาร เมื่อผู้โดยสารโตขึ้น กิจการของ AOT ก็จะสามารถเติบโตตามไปด้วย


นอกจากนี้ยังเดินหน้าแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ พื้นที่รอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ทั้งที่ดินแปลงถนนวัดศรีวารีน้อย 723 ไร่ และแปลง 43  จำนวน 200 ไร่ ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านธุรกิจ ที่จะพัฒนาให้มีรายได้เชิงพาณิชย์ ดังนั้น ในปี 68 ค่อนข้างมั่นใจเป็นปีที่ดูธุรกิจภาพรวมและการใช้ประโยชน์จากที่ดินทั้งหมดที่มีอย่างแท้จริง รวมทั้งท่าอาศกาศยานอื่น ที่จะใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ด้วย

 

แบบสอบถามความพึงพอใจ






ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh