Silver Bullet (50bps) ของ FED ไม่ใช่ “ของขวัญ” แต่เป็น “ไพ่ตาย”
กรรณ์ หทัยศรัทธา
นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน
สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
ผ่านพ้นไปสดๆร้อนๆสำหรับการประชุม FOMC ซึ่งต้องขอบอกกับผู้อ่านก่อนเลยว่า “ผิด” กันทั้งตลาดหลัง US Federal Reserve (FED) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50bps สู่ระดับ 4.75-5.00% โดยตลาดส่วนใหญ่มองกันแค่ 25bps
Dot Plot ชุดใหม่ของ FED ยังบ่งชี้อีกว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐจะลดลงสู่ระดับ 4.4% ในปี 2024 (ลดอีก 50bps) และ 3.4% ในปี 2025 (ลดอีก 100bps)
การกลับทิศของนโยบายการเงินได้เกิดขึ้นแล้วและเร็วกว่าที่หลายท่านคิด ... ดังนั้นในบทความนี้ผมจึงอยากนำข้อมูลมานำเสนอต่อผู้อ่านว่าอย่าเพิ่งวางใจ
เพราะการลดดอกเบี้ยของ FED ครั้งนี้อาจจะ ไม่ใช่ “ของขวัญ” ... หากแต่เป็น “ไพ่ตาย”
เหตุผลแรก คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐมีความคลุมเครือมาก ก่อนอื่นต้องย้ำกับผู้อ่านก่อนว่าเป้าหมายของ FED ในปัจจุบัน คือ การควบคุมเงินเฟ้อให้เติบโตอยู่ในระดับราว 2% yoy และ อัตราการว่างงานสหรัฐที่ระดับ 4%
หากพิจารณาในแง่ของเงินเฟ้อ หรือ Core PCE (% yoy) ต้องบอกว่าทำได้ตามเป้าหมายเข้าไปทุกทีหลังเงินเฟ้อสหรัฐเดือนล่าสุดได้ปรับตัวลดลงสู่การเติบโตระดับ 2.6% yoy อย่างไรก็ดีอัตราการว่างงาน หรือ Unemployment rate (%) ก็ปรับตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ เช่นเดียวจนล่าสุดทะลุเกิน 4% เรียบร้อยแล้ว มากไปกว่านั้น การจ้างงานนอกภาคเกษตรก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงซึ่งล่าสุดเติบโตในระดับที่ต่ำกว่า 150,000 ตำแหน่ง/เดือน จากในอดีตที่ยืนระดับ 200,000 ตำแหน่งมาได้อย่างยาวนาน
อ้างอิงจากข้อมูลของ Bloomberg นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกต่างมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสถดถอยสูงถึง 30% ในขณะที่ FED สาขา New York ได้ประเมินว่าโอกาสที่สหรัฐจะเข้าสู่สภาวะถดถอยในอีก 1 ปีข้างหน้านั้นสูงถึง 61% ... ถือว่าต่างกันพอสมควร ... ท่ามกลางการรายงาน GDP 2Q24 ของสหรัฐที่ยังคงเติบโตระดับ 3% qoq และ คาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อไปได้ใน 3Q24 4Q24 และ ปี 2025
“ในขณะที่เป้าหมายหนึ่ง (เงินเฟ้อ 2%) ใกล้บรรลุ ... อีกปัญหาก็ปรากฎขึ้น (อัตราการว่างงาน 4%) ท่ามกลางความมึนงงของชุดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐว่าจะถดถอยหรือไม่ถดถอย”
เหตุผลต่อมา คือ การเมืองสหรัฐ เนื่องจากหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ทรัมป์กล่าวว่าจะมองหาผู้มาแทนที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งทรัมป์มองว่าเป็นต้นเหตุของการแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่ผิดพลาดในปี 2022 ... แรงกดดันของ FED จึงมีอยู่พอสมควรเหมือนกันทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและการเมือง
ด้วยเหตุผลข้างต้นบทสรุปของบทความนี้ในมุมมองของผมนั้น
“การลดดอกเบี้ยระดับ 50bp ของ FED คือ กลยุทธ์ที่เรียกว่า Protective Put หรือ Hedging (ป้องกันความเสี่ยง) จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคลุมเครือ … หากเศรษฐกิจสหรัฐเกิดถดถอยรุนแรงจริงๆ ... ก็ถือว่า FED ได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว จะมาโทษ FED ว่าดำเนินนโยบายช้าไปก็คงจะไม่ได้”
การจัดพอร์ตการลงทุน (Asset Allocation) หลังจาก FED First Cut
ตราสารทุน (Equity) : เริ่มทยอยขายหุ้นสหรัฐ และ ทยอยสะสมหุ้นเอเชียซึ่งรวมถึงหุ้นไทยที่จะได้ประโยชน์จาก 1) การแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียจากท่าทีที่แข็งกร้าวและร้อนรนของ FED ในการลดดอกเบี้ย 2) ความไม่ชัดเจนของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐรวมถึงความผันผวนจากการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.
ตราสารหนี้ (Fixed income) : เพิ่มน้ำหนักตราสารหนี้คุณภาพดีซึ่งจะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของ FED
ตราสารทางเลือก (Alternatives) : เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำที่จะได้ประโยชน์จากทั้งเรื่องของดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงแต่ยังป้องกันความเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี ผมมีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นต่อน้ำมันจากประเด็นอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีน