กุนซือโลกการเงิน


กุนซือโลกการเงิน ลงทุน ‘กองทุนแนวไหนดี’ หลังเงินเฟ้อสหรัฐเริ่มมียุบ? โดย ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ

โดย
ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ

:.
.

ลงทุน ‘กองทุนแนวไหนดี’ หลังเงินเฟ้อสหรัฐเริ่มมียุบ?

ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ

FB: MacroView

 

ลงทุนกองทุนแนวไหนดี หลังเงินเฟ้อสหรัฐเริ่มมียุบ?

 

     ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับแฟนหุ้นและหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐที่ ณ ตรงนี้ ดัชนี S&P500 ดีดกลับขึ้นมาถึงครึ่งทางแล้ว จากจุดต่ำสุด ณ ตรงนี้ ลองมาส่องหากองทุนแนวที่คิดว่าน่าจะโดน ในช่วงที่เหลือของปีนี้กันครับ

 

     ขอเริ่มจากแนวที่เป็น Market Call ในตอนนี้กันก่อน นั่นคือ กองทุนแนว Healthcare ที่เน้นตลาด Global อย่างสหรัฐ หรือยุโรป แม้ว่าที่ผ่านมา กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาโดยเฉลี่ยจะขึ้นมาราวกว่าร้อยละ 10 ทว่าหากพิจารณาจากความถูกแพงจากอัตราส่วน P/E ก็ไม่ถือว่าแพง แถมได้ตัวช่วยจากกฎหมายใหม่ของสหรัฐว่าด้วยการเน้นลดเงินเฟ้อที่เพิ่งผ่านสภาคองเกรสขนาด 7 แสนล้านดอลลาร์โดย โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐมาหมาดๆ ด้วย หากพิจารณาเป็นรายกองทุน ก็ยังชอบแนว House Fund อย่าง BCare หรือ KGhealth มากกว่ากองทุนที่เน้นเซกเมนท์แบบเฉพาะทางมากกว่า

 

     กองทุนแนวที่สองที่ผมมองว่าน่าสนใจ คือ กองทุนแนว Global Infrastructure ที่เน้นลงทุนในฮาร์ดแวร์หรือ Facility ที่เกี่ยวกับภาคโทรคมนาคมและพลังงานแบบทั้งต้นน้ำและกลางน้ำ รวมถึงลงทุนในหุ้นพลังงานทางเลือกตัวใหญ่ในสหรัฐ ซึ่งยังมองว่ากองทุนแนวนี้ได้รับผลดีจากกฎหมายใหม่ของสหรัฐว่าด้วยการเน้นลดเงินเฟ้อที่เพิ่งผ่านสภาคองเกรสมา รวมถึงสามารถยังพอจะยืนได้ภายใต้ตลาดที่อาจจะมีการแกว่งแรงๆ ในอนาคตได้ค่อนข้างดี

 

     กองทุนแนวถัดไปที่ผมมองว่าน่าสนใจในมุม Trading Buy แต่อาจต้องซื้อตอนที่ราคาย่อลงแล้วขายตอนหรือก่อนที่แบงก์ชาติประกาศขึ้นดอกเบี้ยนั่นคือ กองทุนหุ้นแบงก์ไทย

 

     จากการวิเคราะห์ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐกับไทยในอดีต พบว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ จากร้อยละ 0.5 ในวันนี้ น่าจะขึ้นไปสู่ระดับร้อยละ 2.5 ในช่วงกลางปีหน้า

 

     คำถามคือ เมื่อเข้าซื้อแล้วเราควรจะขายกองทุนหุ้นแบงก์ไทยออกในช่วงใดดี? คำตอบในเชิงอุดมคติ คือ ขายตอน Interest Marginสูงสุด และ อัตราการเพิ่มปริมาณสินเชื่อสูงสุด ซึ่งถือว่าไม่ง่ายที่จะหาช่วงเวลานั้นแบบตรงพอดิบพอดี

 

    อย่างไรก็ดี คำตอบแบบในเชิงปฏิบัติ คือ ควรจะขายหุ้นแบงก์ในช่วงเวลาครั้งหนึ่งครั้งใด ดังต่อไปนี้ คือ หนึ่ง ขายตอนแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก หรือ สอง ขายตอนแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่เป็นช่วงกลางๆ ของการขึ้นดอกเบี้ย หรือ สาม ขายตอนแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยช่วงท้ายๆ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ดังนี้

 

     1. เหตุผลที่ขายตอนขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก มีข้อด้อย คือ Interest Margin เริ่มกว้างขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ดี มีความคาดหวังว่าแบงก์ชาติจะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกหลายครั้งเป็นตัวช่วย ทว่ามีข้อดีคือผลกระทบเชิงลบจากการขึ้นดอกเบี้ยต่อการเติบโตของจีดีพียังเกิดขึ้นน้อย

     2. เหตุผลที่ขายตอนขึ้นดอกเบี้ย เป็นช่วงกลางๆ ของการขึ้นดอกเบี้ย มีข้อด้อยคืออัตราการเติบโตของจีดีพีเริ่มได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าตอนแรกๆ ทว่ามีข้อดี คือ Interest Margin เริ่มกว้างขึ้นกว่าตอนขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก

     3. เหตุผลที่ขายตอนแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยช่วงท้ายๆ มีข้อด้อยคืออัตราการเติบโตของจีดีพีเริ่มได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยมากเกือบจะที่สุด ทว่ามีข้อดี คือ Interest Margin กว้างที่สุดเช่นกัน

 

     โดยช่วงเวลาที่คาดว่าแบงก์ชาติจะขึ้นดอกเบี้ย น่าจะกินเวลาทั้งหมดประมาณ 1 ปี เริ่มจากเดือนสิงหาคม 2022 โดยสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณว่าจะขึ้นอีกร้อยละ 2 ซึ่ง ณ ตอนนี้ ถ้าซื้อแล้วก็น่าจะขายออกภายใน 1 ปีนับจากนี้ ดัง timingที่ 2 และ 3 จากคำอธิบายข้างต้น

 

     อย่างไรก็ดี อาจต้องระวังนิดหนึ่งในการลงทุนแบบระยะยาว เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว มีโอกาสสูงที่จะจะทำให้อัตราการเติบโตของสินเชื่อของไทยอาจจะไม่สามารถเติบโตได้ดีกว่าชาติอื่นในอาเซียนเหมือนอย่างเคยในปีหน้า นอกจากนี้ NPL ของไทยในปีหน้า ก็อาจจะขยับสูงขึ้นทั้งจากภาระหนี้ของผู้กู้ที่สูงขึ้นในบางส่วน รวมถึงดอกเบี้ยที่สูงจะไปชะลอการเติบโตของจีดีพีในบางส่วน

 

     กองทุนแนวสุดท้าย ที่ผมมองว่าน่าสนใจคือ กองทุนพลังงานสีเขียว (Green Energy) ของสหรัฐ ซึ่งได้ประโยชน์จากกฎหมายใหม่ของสหรัฐว่าด้วยการเน้นลดเงินเฟ้อที่เพิ่งผ่านสภาคองเกรสมา ทว่าความยากของการลงทุนแนวนี้ คือ การเลือกจังหวะที่จะเข้าซื้อ เนื่องจากราคาขึ้นไปมากพอสมควรแล้วในตอนนี้ ทว่าผมมองว่าก็ยังพอมีช่องว่างในการขึ้นไปอีก ทว่าจุดที่อาจจะเป็นความเสี่ยงคือ มีความเป็นไปได้ว่า น่าจะมีความผันผวนในช่วงเดือนกันยายนหรืออาจจะนานกว่านั้น ซึ่งกระนั้นก็ดี แนวโน้มที่ราคาจะขึ้นไปจากตรงนี้ก็น่าจะยังมีอยู่พอสมควรในความเห็นของผม

 

    แล้วก็อย่าลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องศึกษาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจในการลงทุน

 

หมายเหตุ สนใจแนวทางการสแกนกองทุนผ่านปัจจัยเชิง Macro ความเสี่ยง (Risk) และการวิเคราะห์แบบ Induction (MRI) จาก MacroView

คลิกที่ลิงก์นี้ได้เลย : https://finno.me/macroview-blog-2022







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh