เทียบฟอร์มทีมเศรษฐกิจ: แฮร์ริส vs ทรัมป์
ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ
ณ ตอนนี้ เหลือเวลาอีกเพียงราวหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงวันเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ ลองมาพิจารณากันว่าทีมเศรษฐกิจของกมลา แฮร์ริส และ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่ามีใครเป็นตัวเต็งในตำแหน่งสำคัญกันบ้าง
เริ่มจากทีมเศรษฐกิจของฝั่งแฮร์ริสก่อน
ซึ่งเธอได้ให้ความเห็นว่านโยบายในยุคของแฮร์ริสจะมีความเป็นมิตรกับฝั่งผู้ประกอบการภาคเอกชนมากกว่ายุคของโจ ไบเดน ถึงขนาดที่มีข่าวลือว่าเธอจะปลด ลิน่า คาห์น ซึ่งดูแลหน่วยงานคณะกรรมการการค้าสหรัฐที่พยายามจะทำให้การผูกขาดทางธุรกิจของบรรดาบริษัท Big Tech สหรัฐลดน้อยลง อาทิ มีความพยายามที่จะทำการแยกธุรกิจของ Google ให้ออกเป็นบริษัทย่อยๆ เนื่องจากเชื่อว่ามีการผูกขาดธุรกิจ Search Engine คล้ายกับที่เมื่อกว่า 50 ปีก่อนทางการได้เคยแตก AT&T ออกเป็นบริษัทย่อยหลายๆบริษัทเนื่องจากมองว่าผูกขาดด้านโทรคมนาคม ด้วยสาเหตุที่มองว่าคาาห์นก้าวร้าวกับภาคเอกชนมากจนเกินไป
หันมาพิจารณาตำแหน่งสำคัญๆด้านเศรษฐกิจของทีมแฮร์ริสกัน เริ่มจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ซึ่ง ณ ตอนนี้ เจเน็ต เยลเลน ดำรงตำแหน่งนี้อยู่ คงไม่มีข้อสงสัยว่าเยลเลนจะไม่ดำรงตำแหน่งนี้ต่ออย่างแน่นอน เนื่องจากเยลเลนเคยตั้งใจจะสละเก้าอี้นี้ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยมีตัวเต็งในตำแหน่งขุนคลังอยู่ 3 ท่าน ได้แก่ วาลลีย์ อะเดเยโม่ วัย 43 ปี ผู้ช่วยของเยลเลน ที่มีความสนิทสนมกับแฮร์รีโดยเขาปรากฏตัวพร้อมกับเธออยู่บ่อยครั้งในการหาเสียงทั่วประเทศ อีกทั้งเป็นที่รู้จักของนักการเมืองทั้ง 2 พรรคเป็นอย่างดี ทำให้น่าจะได้รับการรับรองจากสภาได้ไม่ยาก แม้อะเดเยโม่จะไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ ทว่าทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจให้กับเยลเลนมาเป็นระยะเวลานานแล้ว
นอกจากนี้ อีกหนึ่งตัวเต็งได้แก่ เลอัล เบรนนาร์ด ที่ปรึกษาของประธานาธิบดี ไบเดน และอดีตรองประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ทว่าก็มีความเป็นไปได้ที่เธอจะรอเป็นประธานเฟดต่อจากเจย์ พาวเวล รวมถึงอีกหนึ่งตัวเต็ง ได้แก่ จีน่า ไรมอนโด่ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ท่านปัจจุบัน ซึ่งการที่เธอมีแนวคิดที่ค่อนข้าง Pro ตลาด เข้าทางแนวของแฮร์ริสในปัจจุบัน
ตำแหน่งสำคัญที่สองด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของแฮร์ริส ในตอนนี้ แบ่งออกเป็น 2 สาย ได้แก่ สายที่ทำงานให้ในทีมรณรงค์หาเสียง ประกอบด้วย ไบรอัน เนลสัน อดีตผู้บริหารของกระทรวงการคลัง ดูแลด้านการเงินในส่วน anti-terrorism, จีน สเปอร์ลิง อดีตที่ปรึกษารุ่นเก๋าทั้งในยุคของบิล คลินตัน, บารัก โอบามา และ โจ ไบเดน และสายที่ปรึกษาจากข้างนอก ได้แก่ ไบรอัน ดีส อดีตผู้ช่วยของเยลเลน, ไมค์ ไพล์ อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแฮร์ริส และโรฮินิ โคโซกลู อดีตที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจของแฮร์ริส สำหรับในภาคธุรกิจ แฮร์ริสมีความสนิทสนมกับมาร์ค คิวบาน อดีตผู้บริหารของบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ในอดีต Dell
หันมาพิจารณาทีมเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์กันบ้าง
เริ่มจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ถือว่าค่อนข้างแน่นอนว่า จอห์น พอลสัน เจ้าพ่อเฮดจ์ฟันด์ในตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ น่าจะเข้ามารับตำแหน่งขุนคลัง โดยจอห์นสันได้เปลี่ยนโทนการให้ความเห็นต่อนโยบายของทรัมป์จากในเชิงค่อนข้างลบในอดีตมาเป็นเชิงบวกเมื่อกลางปีนี้ โดยตำแหน่งขุนคลังในวาระก่อนของรัฐบาลทรัมป์ ได้แก่ สตีเฟน มนูชิน ถือว่ามาจากวงการ Wall Street เหมือนกับพอลสัน โดยหากจะเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ ดูแล้วพอลสันน่าจะดูมีกระดูกเบอร์ที่ใหญ่กว่ามนูชินเล็กน้อย แม้มนูชินจะมาจาก Goldman Sachs ก็ตามที นอกจากนี้ ทรัมป์เคยกล่าวถือเล่นทีจริงว่าขุนคลังของเขาต้องเป็นคนมีฐานะ ซึ่งพอลสันถือว่าตรงปกมาก
มาถึงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทรัมป์กันบ้าง หลายคนมองไปที่สก็อต เบซเซนต์ อดีตหัวหน้าฝ่ายการลงทุน Soros Fund Management เป็นเต็งหนึ่ง เนื่องจากช่วยงานทรัมป์ถี่มากในช่วงหลัง นอกจากนี้ ยังมี สตีเฟน ชวาร์ทซแมน และ โจนาธาน เกร์ย CEO และ COO ของ Blackstone เป็นม้ามืดสอดแทรก
และที่สำคัญ ตำแหน่งประธานเฟดของทรัมป์ ในขณะนี้ เต็งหนึ่งน่าจะได้แก่ เควิน ฮาซเซ็ท อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทรัมป์ เมื่อ 8 ปีก่อน นอกจากนี้ ยังมี เควิน วอลช์ อดีตกรรมการเฟด ที่ถือเป็นม้ามืดคอยสอดแทรก โดยทั้งคู่ไม่ได้มีความแตกต่างด้านนโยบายการเงินจากพาวเวลมากเท่าไรนัก แม้รายหลังจะเข้มด้านนโยบายสถาบันการเงินมากกว่าก็ตามที ความจริงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตัวเต็ง คือ อาร์เธอร์ ลาฟเฟอร์ เจ้าของผลงาน Laffer Curve อันลือลั่น ที่ทรัมป์มักจะกล่าวถึงอยู่บ่อยๆในสมัยก่อน อย่างไรก็ดี ในช่วงหลังดูจะห่างๆจากทรัมป์ไปบ้าง รวมถึงให้ความเห็นที่ขัดแย้งกับทรัมป์ในหลายเรื่อง จึงค่อยๆออกจากวงในของทีมเศรษฐกิจของทรัมป์ในช่วงหลัง