Decentralized Finance(DeFi) หรือจะสิ้นยุค Bank
Decentralized Finance (DeFi) หรือจะสิ้นยุค Bank
สวัสดีครับ วันนี้อยากจะพูดถึง Decentralized Finance (DeFi) ที่เป็นหนึ่งใน Top 5 Blockchain Trend 2020 ที่เขียนถึงบทความที่แล้ว และมีคำถามเข้ามาหลายคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เลยอยากลงรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องนี้อีกนิดสำหรับคนที่สนใจกับนวัตกรรมใหม่ที่แม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็มีแนวโน้มหลายๆ อย่างที่บอกว่า DeFi คือแนวโน้มสำคัญสำหรับวงการเงินของโลก
ก่อนจะเข้าเรื่องนี้ อยากเล่าถึงปัญหาของระบบการเงินในปัจจุบัน ซึ่งเป็นระบบที่ใช้มานานและพบว่ามีความกังวลในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินระหว่างประเทศที่ใช้เวลานานและมีค่าธรรมเนียมที่สูง การกู้ยืมเงินที่จำกัดเฉพาะกลุ่มคน หรือการจัดการข้อมูลที่ยังเป็นแบบรวมศูนย์ มีความเสี่ยงจากการถูก Hack ที่ยังพบเจอเป็นปกติในหลายๆ ที่ทั่วโลก รวมไปถึงต้นทุนการจัดการที่ค่อนข้างสูง ทำให้ไม่สามารถให้บริการกับคนทุกคนได้หมด ทำให้ยังมีคนอีกหลายล้านคนทั่วโลกที่ยังไม่สามารถเข้าไม่ถึงการบริการทางการเงินได้อย่างที่ควรจะเป็น
DeFi หรือ Decentralized Finance
"DeFi หรือ Decentralized Finance เป็นคำเรียกระบบการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เชื่อว่าจะมาแก้ปัญหาระบบการเงินในปัจจุบัน"
โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาช่วยในเรื่องการทำงานต่างๆ ในด้านการเงิน โดยเฉพาะการส่งผ่านมูลค่าได้บนระบบอินเตอร์เน็ต มีการใช้ความสามารถของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ได้ล่วงหน้า มีการทำงานบนบล็อกเชนแบบสาธารณะ (Public Blockchain) ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ และไม่จำเป็นต้องมีคนกลางหรือพนักงานมาจัดการ
เมื่อไม่มีคนกลางแอปพลิเคชั่นบน DeFi จึงทำให้ลูกค้าสามารถควบคุมเงินตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่มีคนกลางมาคอยตรวจสอบหรือตัดสิน ทุกการตัดสินใจขึ้นอยู่กับลูกค้าและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว เหล่านี้เป็นจุดสำคัญที่สามารถทำให้แอปพลิเคชั่นบน DeFi นำเสนอสินค้าทางการเงินได้ในราคาที่ถูกลงและตรงไปที่ลูกค้าได้ทันที
ยิ่งไปกว่านั้นการบริการบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ยังสามารถดำเนินการได้ตลอดเวลาแบบ 24/7 และสามารถทำงานได้ทันทีทั่วโลกที่เป็น Open Finance หรือการเงินระบบเปิดแบบไร้พรมแดนจริงๆ
โดยสรุปแล้วเราสามารถแบ่งประโยชน์หลักๆ ของ DeFi ในการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนออกเป็นเป็น 3 เรื่อง คือ การกระจายศูนย์ (Decentralozed) เป็นระบบเปิด (Permissionless) และโปร่งใส (Transparent)
1.การกระจายศูนย์ (Decentralized)
บล็อกเชน คือระบบกระจายศูนย์ที่ปลอดภัยไม่เก็บข้อมูลไว้ที่เดียว ปลอดภัยจากการแก้ไขข้อมูล ระบบมีปัญหา และที่สำคัญคือไม่มีคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของเหรือมีอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว
2.ระบบเปิด (Permissionless)
บล็อกเชน เป็นระบบเปิดที่อนุญาตให้คนมาเข้าร่วมและเข้าถึงบร้การได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
3.ความโปร่งใส (Transparent)
บล็อกเชน เป็นระบบที่โปร่งใส เพราะว่าทุกๆ ธุรกรรมจะถูกจัดเก็บโดยไม่สามารถแก้ไขได้ และสามารถตรวจสอบได้
จากประโยชน์ที่กล่าวมา จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ Startup ใหม่ๆ ที่สนใจในเทคโนโลยีบล็อกเชน บริษัทเกี่ยวกับการเงินทั่วโลกก็ได้มีการค้นคว้าและพัฒนาเพื่อสามารถนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ทำให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลาโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือให้บริการกับลูกค้าได้ดีขึ้น ในต้นทุนที่ถูกลง
DeFi Used Case
ปัจจุบันมีแอปพลิเคชั่นแบบ DeFi ขึ้นมามากมายหลากหลายรูปแบบ วันนี้อยากจะยกสัก 3 ระบบที่เริ่มมีการใช้จริงๆ แล้วในตลาดโลก คือ
(1) ระบบการกู้ยืมเงินแบบ P2P
(2) ระบบเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ หรือ Stable Coin
(3) ตลาดกลางการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange)
ระบบการกู้ยืมแบบ P2P
ระบบการกู้ยืมเงินในปัจจุบันตามปกติจะจำกัดอยู่ที่ธนาคารเป็นหลัก ผู้ที่มีเครดิตที่ดี ซึ่งหมายถึงมีรายได้ที่แน่นอน มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือมีกิจการที่มั่นคงเท่านั้นจึงจะสามารถทำการกู้เงินจากธนาคารได้ ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีเครดิตนั้น จะไม่สามารถทำการกู้ได้เลย และนี่เป็นปัญหาหลักของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงเมืองไทย ที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงบริการส่วนนี้ได้ ต้องไปใช้เงินกู้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงมาก ก่อให้เกิดปัญหามากมายตามมา
ด้วย DeFi เรื่องการกู้ยืมจะเปลี่ยนไป ระบบการกู้ยืมเงินของ DeFi เป็นระบบกู้ยืมเงินแบบเปิด (Open Lending Protocol) ที่ปกติแล้วธนาคารจะเป็นคนรับฝากเงิน และกำหนดเรื่องดอกเบี้ยกู้ยืมตามแต่ละเคส แต่ระบบการกู้ยืมแบบเปิดที่กล่าวถึงนี้ ส่วนใหญ่จะทำงานอยู่บน Public Blockchain ที่มีความโปร่งใส โดยมีข้อแตกต่างจากระบบธนาคารในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะด้านความเร็ว อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า และการเข้าถึงได้ทุกคน ตามรายละเอียดดังนี้
-
ผู้กู้และผู้ให้กู้สามารถทำงานแบบกันได้โดยตรงแบบ P2P ผ่านการใช้งานของ Digital Asset บนบล็อกเชน
-
ผู้กู้และผู้ให้กู้ตัดสินใจเรื่องความเสี่ยงได้ด้วยตัวเอง และการไม่มีตัวกลางของบล็อกเชนก็จะทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าทำผ่านธนาคารในปัจจุบัน
-
สามารถใช้ Digital Asset มาค้ำประกันเงินกู้ได้ จึงมีความเสี่ยงน้อยมาก เพราะผู้กู้จะต้องนำหลักทรัพย์หรือคริปโตเคอเรนซีมาค้ำประกัน และได้เงินกู้ในจำนวนที่ต่ำกว่าสิ่งที่นำมาค้ำ
-
ใช้ Smart Contract เป็นคนกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าทั้งหมด ตั้งแต่เวลาในการกู้ยืม อัตราดอกเบี้ย
-
การโอนและจ่ายเงินสามารถทำงานได้ทันทีแบบอัตโนมัติ
-
และที่สำคัญคือไม่มีการเช็คเครดิตใดๆ นั่นหมายถึงทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้
ปัจจุบันได้มีหลายบริษัทที่ได้สร้างระบบ DeFi ที่ทำการกู้ยืมแบบ Open Lending Protocol อยู่ในตลาด เช่น MakerDAO, Dharma และ BlockFip โดย MakerDAO ถือเป็นเจ้าตลาดที่เริ่มเรื่องนี้มาเป็นเจ้าแรกๆ
การเติบโตของ Defi ในส่วนของการกู้ยืมนั้น สามารถดูได้จากคริปโตเคอเรนซีที่ถูกล็อคไว้เพื่อนำมาค้ำประกัน ซึ่งในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา มีจำนวนมากถึง 996.4 ล้านดอลล่าสหรัฐ (ข้อมูลจาก https://defipulse.com/) และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งถึงแม้จะเป็นตัวเลขไม่มากเมื่อเทียบกับภาพใหญ่ของวงการเงินระดับโลก แต่ก็ทำให้เราเริ่มเห็นแนวโน้มสำคัญกับธุรกิจการเงินรูปแบบใหม่ที่จะมาแทนรูปแบบที่เราเคยชินในอนาคตอันใกล้
Stable Coin
จากคริปโตเคอเรนซีที่มีราคาผันผวนตามความต้องการของตลาด ซึ่งเมื่อนำมาใช้งานจริงก็พบว่าราคาที่ผันผวนอย่างมาก ทำให้การใช้งานจริงในบางเรื่องมีความเสี่ยงกับมูลค่าที่สามารถเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเวลาอันสั้น ซึ่งมีผลทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความกังวล และไม่กล้าเข้ามาสู่โลกของคริปโตเคอเรนซีหรือสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง
ระบบเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ หรือ Stable Coin จึงถูกคิดขึ้น โดยตั้งใจให้สามารถคงมูลค่าได้คงที่ตลอดเวลาหรือเปลี่ยนแปลงน้อยมากๆ และไม่เปลี่ยนไปตามความต้องการของตลาด ซึ่งส่วนมากจะผูกอยู่กับสินทรัพย์ที่มีความคงที่ เช่น ทอง น้ำมัน หรือสกุลเงินตราปกติที่อยู่ในตลาดโลก ซึ่งในเบื้องต้นนั้น Stable Coin ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่พักเงินของนักลงทุนในคริปโตเคอเรนซีที่ต้องการจะเลี่ยงความเสี่ยงของเหรืยญอื่นที่ผันผวนในบางช่วงเวลา แต่ในปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้ในกิจกรรมของแอปพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย
ในปัจจุบันได้มี Stable Coin ถูกสร้างออกมาหลายร้อยหรียญแล้ว ปัจจุบันเราสามารถแบ่ง Stable Coin ออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 คือ Fiat-Collateralized คือเหรียญ Stable Coin ที่ผูกกับเงินตราประเทศต่างๆ เช่น Tether,USDT,TrueUSD รวมไปถึงเหรียญ Libra ของกลุ่มเฟซบุ๊ก
ประเภทที่ 2 คือ Crypto-collateralized คือ เหรียญ Stable Coin ที่ผูกกับเงินคริปโต ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ Smart Contract เป็นกลไกในการออกเหรียญ เช่น เหรียญ Dai $1 จะต้องมี Ether จำนวน $1.50 ถูกล็อคไว้โดย Smart Contract ของ MakerDAO เพื่อเป็นหลักประกัน เป็นต้น ทำให้เหรียญประเภทนี้มีความโปร่งใส และถูกนำไปใช้ในหลายๆ แอปพลิเคชั่น
Stable Coin แต่ละเหรียญก็จะมีจุดหมายการใช้งาน รวมถึงวิธีการรักษาราคาแตกต่างกันไป และก็มีความเสี่ยงแตกต่างกันไปในตัวเช่นกัน เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ Stable Coin แต่ละประเภท จึงควรต้องศึกษาและเข้าใจที่มาที่ไปของแต่ละเหรียญอย่างดี ก่อนที่จะตัดสินใจนำมาใช้งาน ในปัจจุบัน Stable Coin เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในโลกของ DeFi ที่จะสามารถทำให้เกิดธุรกรรมทางการเงินได้บนบล็อกเชนได้จริง
Decentralized Marketplace
อีกหนึ่ง DeFi ที่น่าสนใจ คือ Decentralized Marketplace ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ในอีกรูปแบบที่ไม่เหมือนกับที่เรารู้จักทั่วไป เช่น Bitkub, Satang หรือ Binance ที่ยังคงอาศัยคนกลางในการเก็บและส่งต่อสินทรัพย์ดิจิทัล
แต่ Decentralized Marketplace จะเป็นที่ที่คนสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล กันได้โดยตรงโดยผ่านเทคโนโลยีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Smart Contract หรือ Atomic Swap ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการแลกเปลี่ยนเหรียญต่างชนิดกันในระยะเวลาที่สั้นและถูกต้อง
ข้อดีของตลาดแลกเปลี่ยนประเภทนี้ คือ บางตลาดไม่จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ เป็นอุปสงค์และอุปทานอย่างแท้จริง และเนื่่องจากไม่มีคนกลางและการดูแลรักษาต่ำกว่าแบบปกติมาก จึงทำให้ค่าธรรมเนียมในการโอนต่ำกว่าแบบปกติค่อนข้างมาก ในปัจจุบันได้มี Decentralized Matketplace เกิดขึ้นแล้วหลายที่ ยกตัวอย่างเช่น IDEX, Kyber, Ox
แม้ว่าตลาด Decentralized Matketplace ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังมีจำนวนการใช้งานไม่มาก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ เพราะในอนาคตที่ทุกอย่างสามารถ Tokenized ได้มากขึ้น ตลาดแบบ Decentralized Matketplace จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ขาดไม่ได้
อนาคตของ DeFi
ยังมีบริการหรือสินค้าทางการเงินอีกมากมายที่กำลังพัฒนาในโลกของ DeFi คริปโตเคอเรนซีและบล็อกเชนจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวแทนเงินหรือมูลค่าเท่านั้น แต่จะมาด้วยบริการทางการเงินหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแม้ว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังจำกัดอยู่ในโลกของคนที่สนใจในเรื่องของคริปโตเคอเรนซีและศึกษาถึงวิธีใช้งานอย่างละเอียดเท่านั้น ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงและอุปสรรคอีกมากที่จะทำให้บริการทางเงินเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้กับคนทั่วไปได้จริงๆ
แต่ด้วยประโยชน์ที่เห็นอย่างเด่นชัด ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาหลายๆ ปัญหาของโลกการเงินในปัจจุบันได้ และกลุ่มคนในวงการการเงินและเทคโนโลยีทั่วโลกที่ปัจจุบันทุ่มเทอย่างจริงจังในการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ บน DeFi ออกมา ทำให้ปี 2020 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าตื่นเต้นอย่างแน่นอน เทคโนโลยีจะทำให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เราไม่เคยคิดมาก่อน
รอติดตามชมอย่างตื่นเต้นได้เลยครับ!
-------------------------
Reference:
https://www.forbes.com/sites/ilkerkoksal/2019/09/29/the-shift-toward-decentralized-finance-why-are-financial-firms-turning-to-crypto/#134f13376392
https://www.binance.vision/glossary/defi
https://101blockchains.com/decentralized-finance-defi/
https://www.binance.vision/blockchain/the-complete-beginners-guide-to-decentralized-finance-defi
https://medium.com/@philippsandner/decentralized-finance-defi-what-do-you-need-to-know-9cd5e8c2a48
https://blockgeeks.com/guides/demystifying-defi-ultimate-guide/
https://cryptonews.com/news/decentralized-finance-defi-explained-5134.htm
https://yos.io/2019/12/08/decentralized-finance-explained/