efinancethai

ข่าวหุ้นล่าสุด

KKP หวั่นเทรดวอร์ฉุดจีดีพีโตเพียง 2% ชี้นโยบายการคลังเริ่มจำกัด แนะเร่งปฏิรูปภาษีเพิ่มรายได้

 

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -6 ก.พ. 68 12:40 น.

 

KKP มองเศรษฐกิจไทยปี 68 เติบโต 2.6% ชะลอตัวจากปี 67 ที่อยู่ 2.7% หลังท่องเที่ยวแผ่ว - หนี้ครัวเรือนกดดัน จับตานโยบายสหรัฐฯ หวั่นกระทบส่งออก ฉุดเศรษฐกิจขยายตัวเพียง 2% ขณะที่นโยบายการคลัง เริ่มมีข้อจำกัด หลังหนี้สาธารณะใกล้ชนเพดาน 70% แนะเร่งปฏิรูปภาษีเพิ่มรายได้

 

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.6% ชะลอตัวจากปีก่อนหน้าที่คาดไว้ที่ 2.7% เล็กน้อย โดยมีแรงส่งสำคัญจากภาคท่องเที่ยว และ ภาคบริการ แต่เป็นแรงส่งที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง จากการฟื้นตัวกลับมาเกือบปกติของภาคท่องเที่ยว ในขณะที่ปัญหาความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม และ ภาคส่งออกยังเป็นแรงกดดันที่สำคัญ

 

นอกจากนี้ การหดตัวของสินเชื่อภาคธนาคารจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และ ภาวะเศรษฐกิจกำลังส่งผลทางลบต่อการบริโภคสินค้าคงทนและ ภาคอสังหาริมทรัพย์

 

ทางด้านปัจจัยภายนอก ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงจากนโยบายของสหรัฐฯ ที่อาจใช้นโยบายการค้าเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง โดยไทยติดอันดับที่ 11 ของประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากที่สุด และ อาเซียนเองก็เกินดุลการค้าเป็นอันดับ 2 รองจากจีนเท่านั้น ทำให้ไทย และ อาเซียนอาจตกเป็นเป้าของมาตรการทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ และ ส่งผลต่อภาคการค้า อาจถูกกดดันให้เปิดตลาดบางกลุ่มสินค้า รวมถึงสินค้าเกษตรที่ไทยมีอัตราภาษี และ มาตรการกีดกันการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในขณะที่ไทยอาจได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานลงทุน จึงมีความจำเป็นที่ไทยต้องเตรียมพร้อมในการรับมือ และ เจรจาต่อรองให้เกิดผลดีที่สุด

 

"จีดีพีปี 68 มองไว้ที่ 2.6% แม้จะลดลงจากปี 67 ที่อยู่ 2.7% โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ สงครามการค้า เพราะอาจทำให้จีดีพีลดลงเหลือ 2% ได้"ดร.พิพัฒน์ กล่าว

 

 

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีไม่แน่นอน มองว่า การใช้นโยบายการคลัง และนโยบายการเงินจะมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความเสี่ยง นอกจากนี้ การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนการลงทุน และ ยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจยังมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยคาดว่า น่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในปีนี้ และ รัฐบาลยังคงใช้นโยบายขาดดุลด้านการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านการคลังมีมากขึ้น และ หนี้สาธารณะที่ขยับใกล้แตะเพดาน 70% ของจีดีพี รัฐบาลอาจต้องมีการทบทวนว่า จะเลือกใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดต่อเศรษฐกิจ และเนื่องจากระดับรายได้ภาษีของรัฐบาลที่มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ ตลอดจนความจำเป็นในการใช้จ่ายภาครัฐที่มีมากขึ้น ทำให้จำเป็นต้องปฏิรูประบบราชการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐ ขยายฐานภาษี และ ปฏิรูประบบภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ ดูแลเรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำ และ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

 

 

 

 




รายงาน    กรณัช พลอยสวาท 
เรียบเรียง  จารุวรรณ เอี่ยมยิ่งพานิช 
                อีเมล์. [email protected]

อนุมัติ     อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร 
แบบสอบถามความพึงพอใจ









ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

LATEST NEWS

ข่าวที่เกี่ยวข้องล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh