TTB คาดเศรษฐกิจไทยในปี 66 ขยายตัว 3.7% ปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยว-การบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัว ขณะที่ปีนี้คาดจีดีพีโต 3.2% จับตาปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอ-หนี้ครัวเรือนไทยยังเป็นแรงกดดัน

   ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.2% และขยายตัวได้ในระดับ 3.7% ในปี 66 โดยได้รับอานิสงส์จากกิจกรรมท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทย รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 66

   ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยโดยรวมอาจขยายตัวได้สูงกว่าตามที่คาดการณ์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่มีความเสี่ยงด้านต่ำจากความขัดแย้งระหว่างประเทศเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางชะลอตัวลง และภาระหนี้ครัวเรือนของไทยที่ยังเป็นแรงกดดันต่อเนื่อง

   ด้านการส่งออกของไทยในปี 66 คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออก 300,000 ล้านดอลลาร์ หรือขยายตัว 3.4% ชะลอตัวลงจากปี 65 ตามทิศทางเศรษฐกิจคู่ค้าที่อ่อนแรงลง ขณะที่บางภูทิภาคกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยชัดเจน ทั้งนี้การส่งออกสินค้าของไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่ม จากเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวมากกว่าคาด หลังทั่วโลกเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในระดับที่แรงและรวดเร็ว

  ขณะที่ระดับราคาสินค้าทั่วโลกที่อาจทรงตัวในระดับสูงนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการวิกฤติขาดแคลนพลังงานในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาถึง และภัยธรรมชาติ รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังรุนแรงขั้นทั้งในสหภาพยุโรปและช่อแคบไต้หวัน ซึ่งอาจกระทบให้เกิดปัญหาการชะงักงันหรือสะดุดของห่วงโซ่อุปทาน

   ด้านการนำเข้าสินค้าในปี 66 คาดว่าจะขยายตัวได้ 10% ตามราคาพลังงานในตลาดโลกที่เริ่มลดลง โดยรวมทำให้ภาพดุลการค้าระหว่างประเทศ ปี 66 จะขาดดุลน้อยกว่าปี 65 ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยจะมีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องไปยังปี 66 หลังจากไทยและประเทศต่างๆ ได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าออกพรมแดนพร้อมกันนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปีนี้

   โดย ttb analytics มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยปี 66 จะอยู่ที่ 18,5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 9.5 ล้านคนในปี 65 โดยกลุ่มที่จะเข้ามาเที่ยวมากที่สุดยังเป็นนักท่องเที่ยวแถบอาเซียน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และกลุ่มเอเชียตะวันออก คือ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สำหรับนักท่องเที่ยวยุโรปยังมีแนวโน้มเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับไม่มากนัก

   ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยจะเริ่มแผ่วลงนับตั้งแต่ปลายปีนี้ จากผลของฐานที่สูงในปี 64 โดยมองว่าเงินเฟ้อในปี 66 จะอยู่ที่ 2.6% ชะลอลงจากปีนี้ที่อยู่ที่ 6.1% อย่างไรก็ตาม ระดับราคาสินค้าในประเทศจะยังทรงตัวในระดับสูงต่อไปจนถึงกลางปี 66 ก่อนจะทยอยลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ดังนั้นค่าครองชีพที่แพงและหนี้ครัวเรือนที่สูง ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น จึงยังเป็นปัจจัยกดดันกำลังซื้อในประเทศอย่างต่อเนื่อง

   ด้านการบริโภคภาคเอกชนในปี 66 จะสามารถขยายตัวได้ที่ 3.5% ซึ่งถือเป็นระดับการเติบโตใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติโควิดระหว่างปี 59-62 ขณะที่เม็ดเงินการใช้จ่ายภาครัฐในปี 66 ประเมินว่าอาจลดลง แม้งบประมาณจะเพิ่มขึ้นจากปี 65 ก็ตาม ประกอบกับการชะลอตัวลงของการส่งออกสินค้าในปี 66 นี้ จึงประเมินว่าการลงทุนภาคเอกชนในปี 66 จะขยายตัวที่ 2.6% ชะลอลงจากปี 65 ที่ 3.0%