ตลท. ผนึก ก.ล.ต. ไล่สอบบัญชี Omnibus บี้ บล.ส่งหลักฐานการมีหุ้นภายใน 15 วัน ไม่งั้นเข้าข่าย Naked Short -ทบทวนการใช้โปรแกรมเทรดให้เกิดความเท่าเทียม-เป็นธรรม จ่อตั้งคณะทำงานพิเศษดึงผู้เชี่ยวชาญ Nasdaq-KRX ปิดช่องโหว่ Naked Short -โปรแกรมเทรด พร้อมยันยังไม่มีความจำเป็นในการนำมาตรการ Uptick Rule มาใช้
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยภายในงาน “แนวทางการยกระดับการกำกับดูแลเพิ่มเติม" ว่าตลท.ได้เตรียมยกระดับการกำกับดูแลเพิ่มเติมกรณีโปรแกรมเทรดดิ้งและการซื้อขายชอร์ต (Short Sell) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนใน 3 เรื่อง ดังนี้
1.ยกระดับการทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการตรวจสอบบัญชี Omnibus Account (บัญชีที่มีผู้ลงทุนร่วมกันหลายคนแต่มีบัญชีเดียวกัน) เพื่อให้ทราบถึงผู้ลงทุนที่แท้จริง (End Beneficiary owner) ที่เข้ามาทำธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการประสานความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์และผู้ดูแลรับฝากทรัพย์สินในต่างประเทศ (Custodian) ในการดำเนินการ รวมถึงกำหนดแนวทางปฎิบัติของโบรกเกอร์และสมาชิกต้องส่งหลักฐานพิสูจน์กรณีมีการ Short Sell ผ่านบัญชี Omnibus Account ภายใน 15 วัน
อย่างไรก็ตามกรณีโบรกเกอร์หรือสมาชิกไม่สามารถส่งหลักฐานให้ตรวจสอบได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดจะสันนิฐานว่าเป็น Naked Short Selling (การขายชอร์ตที่ไม่มีการยืมหลักทรัพย์) ซึ่งจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินัยพิจารณามาตรการลงโทษทางวินัยกับสมาชิกต่อไป อาทิ การปรับ ภาคทัณฑ์ ตักเตือน หรือระงับการซื้อขาย เป็นต้น ซึ่งโทษทางวินัยขึ้นอยู่กับความผิดของการกระทำและจะเป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
2.ทบทวนความเท่าเทียมการซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนที่ไม่ได้ใช้โปรแกรมเทรดดิ้งและผู้ลงทุนที่ใช้โปรแกรมเทรดดิ้ง รวมถึงผู้ลงทุนแต่ละกลุ่มเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยตลท.จะมีการดำเนินการตรวจสอบว่ามีหลักเกณฑ์อะไรที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติมและเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศต่อไป
3.จะมีการจัดตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมา 1 ชุด เพื่อตรวจสอบและแนะนำข้อเสนอแนะในการการกำกับดูแลเรื่องโปรแกรมเทรดดิ้งและ Naked Short Selling ของตลท. ซึ่งจะมีการประกอบไปด้วยผู้แทนจากตลท.และก.ล.ต. รวมถึงมีการประสานผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เช่น ผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq และผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (KRX) ให้มาช่วยทำงานในคณะทำงานพิเศษชุดดังกล่าวอีกด้วย
"ก่อนหน้านี้ ตลท. ได้ประสานความร่วมมือกับ ก.ล.ต.ตรวจสอบ Naked Short Sell และโปรแกรมเทรดดิ้ง อีกทั้งยังได้มีการส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทสมาชิก รวมถึงบริษัทที่ไม่ใช่สมาชิกและ Custodian ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ลงทุนจากต่างประเทศให้ช่วยกันกำกับดูแลการซื้อขาย Short Sell ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด" นายรองรักษ์ กล่าว
สำหรับข้อแนะนำของ ก.ล.ต.ให้คณะกรรรมการ ตลท.พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดราคาทำ Short Sell ด้วยราคาสูงกว่าราคาครั้งสุดท้าย (Uptick Rule) นั้น ยืนยันว่าเมื่อวานนี้คณะกรรรมการ ตลท.ได้มีการประชุมเป็นกรณีพิเศษเพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าว โดยมีความเห็นว่าการลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมามีความสอดคล้องไปกับตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก และไม่ได้มีความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากดูสัดส่วนการขายของผู้ลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีการขายมาโดยตลอดและอยู่ในสัดส่วนที่สูงมากถึงประมาณ 138,000 ล้านบาท จึงทำให้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)
โดยตลท.มองว่ายังไม่มีความจำเป็นในการนำมาตรการชั่วคราวดังกล่าวมาใช้ เนื่องด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ได้มีผลต่อการซื้อขายที่ผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและของโลก อย่างไรก็ดี ตลท.ก็พร้อมจะดำเนินการหากมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นหรือมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการใช้มาตรการพิเศษหรือมาตรการชั่วคราวเพื่อที่จะดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์
|