สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มากในไตรมาสที่สาม ตามรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน (GDP) ประเทศฉบับล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า GDP เพิ่มขึ้นในอัตรา 2.9% ต่อปี
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงาน การทบทวนผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติครั้งใหม่ เมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) โดยระบุว่า GDP สหรัฐฯ ขยายตัว 2.9% สูงกว่ารายงานครั้งแรกในเดือนตุลาคมซึ่งอยู่ที่ 2.6% นอกจากนี้ก็ดีกว่าที่ Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ 2.7%
รายงานนี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในครึ่งหลังของปี จากการหดตัวทางเศรษฐกิจ 1.6% ในไตรมาสแรกของปี และ 0.6% ในไตรมาสที่สอง
การเติบโตที่ดีเกินคาดมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการรายงานในเดือนตุลาคม ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าถูกปรับให้ลดลงกว่าเดิม แต่การขยายตัวนี้อาจไม่สามารถลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในปีหน้า อย่างที่นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากได้คาดการไว้
อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่มากเกินคาดแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและทนทานของเศรษฐกิจต่อผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบหลายทศวรรษ
ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอยู่ นายจ้างยังคงจ้างงานต่อไป และอัตราว่างงานก็อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี ขณะที่ในวันศุกร์นี้ก็จะมีรายงานการจ้างงานเดือนพฤศจิกายนออกมา และแม้ว่าผู้บริโภคอาจลำบากกับราคสินค้าที่สูงขึ้น แต่พวกเขายังคงใช้จ่ายเงินต่อไป ซึ่งมากกว่าสองในสามของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขับเคลื่อนโดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคนี่เอง
ภาคที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รายงาน GDP ชี้ว่าการลงทุนในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยติดลบไปถึง 1.4%
คริสโตเฟอร์ รัปคีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทวิจัยตลาด Fwdbonds กล่าวว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ภาคที่อยู่อาศัยเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจส่วนที่เหลือยังคงดำเนินไปอย่างค่อนข้างราบรื่น
รัปคีย์ยังกล่าวด้วยว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนทางธุรกิจในอุปกรณ์ต่างๆ ยังคงดูดี แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้มาอยู่ที่ 3.75% ในปีนี้ก็ตาม นอกจากนี้เขาก็เสริมด้วยว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะทำให้เฟดสามารถคงนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อไป |