SCGP ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ทะลุ 1 แสนล้านบาท เติบโตระดับตัวเลข 2 หลัก หลังรับรู้ SOVI และ Go-Pak ขณะที่ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคยังเติบโต ตั้งงบลงทุนปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท ใช้ซื้อกิจการ-รุกลงทุนอาเซียน พร้อมโชว์งบปี 63 มีกำไร 6.45 พันลบ. โต 23% แจกปันผล 0.45 บาท/หุ้น
*** ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ทะลุ 1 แสนลบ.
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยในงานแถลงผลประกอบการปี 63 ว่า คาดยอดขายปีนี้มากกว่า 1 แสนล้านบาท เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก จากปีก่อนมียอดขาย 9.28 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้ยอดขายจากการซื้อกิจการ SOVI ในเวียดนาม และ Go-Pak เข้ามาเต็มปี ขณะที่ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง และ หวังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากการควบรวมกิจการมากขึ้น
โดยปีนี้ SOVI คาดว่าจะทำยอดขายรวมในเวียดนามเพิ่มเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อน 1 หมื่นล้านบาท ส่วนการควบรวม Go-Pak เป็นการขยายฐานลูกค้าไปฝั่งตะวันตกมากขึ้น และ สามารถเร่งการโตธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารได้ 4,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทนี้มีกำไรต่อเนื่อง โดย SOVI กำไรปีละ 200 ล้านบาท ส่วน Go-Pak กำไรปีละ 300-400 ล้านบาท การควบรวมกิจการทั้ง 2 ดีลถือเป็น Synergy และ value เพื่อสร้างผลกำไรให้โตมากขึ้น
“ในปีนี้บริษัทมีความตั้งใจจะสร้างผลงานนิวไฮต่อเนื่องจากปีก่อนในทุกธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้แม้มีปัจจัยไม่แน่นอนอย่างการระบาดของโควิด-19"นายวิชาญ กล่าว
*** ตั้งงบลงทุน 2 หมื่นลบ. ใช้ซื้อกิจการ-ขยายธุรกิจในอาเซียน
นายวิชาญ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท ใช้สำหรับขยายกิจการ ควบรวมกิจการ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเน้นขยายกิจการในภูมิภาคในอาเซียนเป็นหลัก เพราะยังมีโอกาสทางธุรกิจค่อนข้างมาก แต่ถ้านอกภูมิภาคมีความเป็นไปได้ก็สนใจ โดยเฉพาะธุรกิจอาหารก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเป็นเทรนด์ใหญ่ของโลก
ทั้งนี้ บริษัทมีดีลที่อยู่ระหว่างพูดคุยมากพอสมควร ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาผลประโยชน์ที่จะได้รับและมูลค่ากิจการ
*** ออกหุ้นกู้ 5.5 พันลบ. – ตุนเงินสดในมือ 3.3 หมื่นลบ.
นายวิชาญ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งเพื่อขอออกหุ้นกู้วงเงิน 5,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี 8 เดือน คาดว่าจะออกได้ภายใน 2 เดือน เพื่อชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนด อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเงินสดในมือ 33,000 ล้านบาท ตอนี้มีหนี้ 45,000 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.6 เท่า ถือว่าต่ำมาก ยังมีศักยภาพขยายธุรกิจอีกมาก
*** Q4/63 มีกำไร 1.48 พันลบ. เพิ่มขึ้น 24% ผู้สื่อข่าวรายงานว่า SCGP รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/63 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 62 และเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ มีอัตรากำไรสุทธิที่ 6%
โดยในไตรมาสนี้ มีรายได้จากการขาย 23,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 และเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมี EBITDA เท่ากับ 4,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 และเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่ EBITDA margin อยู่ที่ 18%
*** ทั้งปี 63 มีกำไร 6,457 ลบ. โต 23%
ทางด้านผลประกอบการงวดปี 63 มีกำไร 6,457.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากงวดเดียวกันปี 62 ที่มีกำไร 5,268.51 ล้านบาท โดยในปี 63 มีรายได้จากการขาย 92,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปี 62 ตามการเติบโตของลูกค้าที่อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม และ การควบรวมกิจการในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ที่ทำได้ 79,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 62 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคยังเติบโตต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนรายได้ธุรกิจเยื่อและกระดาษเท่ากับ 15,448 ล้านบาท ลดลง 18% สาเหตุหลักมาจากปริมาณความต้องการใช้เยื่อกระดาษ กระดาษพิมพ์เขียนลดลง ช่วงโควิดทั้งการปิดสถานศึกษาและนโยบายรณรงค์ให้ทำงานที่บ้าน
สำหรับ EBITDA ในปี 63 เท่ากับ 16,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมี EBITDA margin ที่ 18%
*** เคาะปันผล 0.45 บาท/หุ้น – ขึ้น XD วันที่ 7 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการ SCGP มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค. 63 จำนวน 0.45 บ./หุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) 7 เม.ย.นี้ และวันที่จ่ายปันผล 22 เม.ย. 64 |