สภาพัฒน์ เผยจีดีพี Q3/66 โต 1.5% ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.2% ส่วน 9 เดือนโต 1.9% ชี้ส่งออกชะลอ - การใช้จ่ายภาครัฐลดลงกดดัน แต่มีท่องเที่ยว - การบริโภคครัวเรือน - ลงทุนเอกชนโตช่วยหนุน ส่วนปี 66 หั่นเป้าจีดีพี เหลือโต 2.5% จากเคยคาดมีลุ้นแตะ 3% ในครั้งก่อน ส่วนปี 67 คาดโต 2.7-3.7%
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยในการแถลงข่าว “รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566-2567” ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 3/66 ขยายตัวได้ 1.5% ลดลงจากไตรมาสที่ 2/66 ที่เติบโต 1.8% สำหรับงวด 9 เดือนปี 66 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 1.9%
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า GDP ในไตรมาส 3/66 ที่สภาพัฒน์ฯ จะประกาศในวันนี้ จะเติบโตประมาณ 2-2.2%
สำหรับตัวเลข GDP ในไตรมาส 3/66 ที่ชะลอตัวมาจากปัจจัยกดดัน คือ การส่งออกรวมชะลอลง ขณะที่การใช้จ่ายรัฐบาลยังคงลดลง ตามการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ที่ลดลง ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังเติบโต ตามจำนวนชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนขยายตัวต่อเนื่อง และการลงทุนของภาคเอกชนที่เร่งขึ้น
ด้านการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน ขยายตัว 8.1% โตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2/66 ขณะที่การลงทุนภาครัฐลดลง 2.6% ต่อเนื่องจากที่ลดลง 1.1% ในไตรมาสก่อนหน้า
ด้านอัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.99% ต่ำสุดในรอบ 15 ไตรมาส อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 0.8% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 3.3 พันล้านดอลลาร์ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้น ก.ย.66 อยู่ที่ 2.1 แสนล้านดอลลาร์ และหนี้สาธารณะ มีมูลค่าทั้งสิ้น 11,131,634.20 ล้านบาท คิดเป็น 62.1% ของ GDP
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 66 ประเมินว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 2.5% จากเดิมที่คาดจะโต 2.5-3% ในประมาณการครั้งก่อนเมื่อช่วง ส.ค.66 โดยอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 1.4% ลดลงจากครั้งก่อนที่คาดจะโต 1.7-2.2% ขณะที่ส่งออกคาดติดลบ 2% ลดลงจากครั้งก่อนที่คาดจะติดลบ 1.8% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1%
ส่วนปี 67 คาดว่า GDP จะขยายตัวได้ 2.7-3.7% จากการกลับมาขยายตัวของการส่งออก และการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่อยู่ในเกณฑ์ดี รวมถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
ขณะที่การอุปโภคบริโภคโต 3.2% การลงทุนภาคเอกชนโต 2.8% มูลค่าการส่งออกโต 3.8% เงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ 1.7 - 2.7 และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.5% ของ GDP
|