Vitalik Buterin คาดว่า 2 บล็อกเชนอย่าง Zcash และ Dogecoin ที่ยังใช้ระบบกลไกฉันทามติ Proof-of-Work จะเปลี่ยนมาเป็นกลไกอย่าง Proof-of-Stake ในอนาคต 

  ผู้ร่วมก่อตั้งของ Ethereum อย่าง Buterin ได้กล่าวในงาน Mainnet Blockchain ที่ได้จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “Zcash และ Dogecoin อาจจะเดินตามรอยเท้ารุ่นพี่อย่าง Ethereum เพื่อเปลี่ยนมาใช้กลไก Proof-of-Stake หลังจากที่กลไกฉันทามตินี้เติบโตและได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่”

  ภายในงานได้มีการเปิดให้ถามคำถามต่อ Buterin อีกด้วย ทั้งนี้คำถามที่น่าสนใจคือ “เครือข่ายทั้งหมด ควรเปลี่ยนไปใช้ PoS หรือไม่ ?” ซึ่ง Buterin ก็ได้ตอบว่า “ผมว่าควร ผมคาดหวังว่ากลไก Proof-of-Stake จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเวลาผ่านไปผมก็หวังว่า Zcash และ Dogecoin จะเปลี่ยนมาใช้กลไกฉันทามตินี้ในไม่ช้า”

  ในวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ “The Merge” ซึ่งเป็นการอัปเกรดขนาดใหญ่ที่เปลี่ยนระบบบล็อกเชนของ Ethereum ที่เป็นการใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Work ไปใช้กลไกแบบ Proof-of-Stake ซึ่งได้ผ่านการวิจัยและพัฒนามาเป็นเวลาหลายปี ตามรายงานจากทีมงานของ Ethereum ได้ประเมินไว้ว่าการเปลี่ยนมาใช้กลไก PoS จะสามารถลดระดับการใช้พลังงานไปถึง 99.9% และยังคาดหวังว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จากบล็อกเชนได้อย่างมากอีกด้วย

  ทั้งนี้ ทางทีมงานของ Zcash และ Dogecoin ก็ได้แสดงความสนใจที่จะย้ายไปใช้กลไกแบบ PoS เพื่อให้สอดคล้องกับคาดหวังของ Buterin ด้วย

  ในช่วงกลางปี 2021 บริษัท Electric Coin ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนา Zcash ได้เขียนบล็อกเกี่ยวกับรายละเอียดและขั้นตอนในการปรับใช้ PoS และทางด้าน Dogecoin ก็มีความคิดเห็นแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตามการจะเปลี่ยนกลไกฉันทามติของบล็อกเชนนั้นจะต้องมีการอภิปรายกับทางสมาชิกในชุมชนก่อนว่า การอัปเกรดนี้มันส่งผลกระทบต่อเครือข่ายอย่างไร

  ทั้ง Zcash และ Dogecoin อยู่ในอันดับ Top 10 ตามมูลค่าราคาตลาดโดยรวมของคริปโทเคอร์เรนซีที่ใช้กลไก PoW ตามข้อมูลของ coinmarketcap ในขณะที่ Dogecoin เป็นเหรียญมีม และ Zcash เป็นเหรียญที่มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาของสกุลเงินดิจิทัลที่เน้นความเป็นส่วนตัว ซึ่งมีคุณลักษณะเหมือนกันคือการใช้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการประมวลผลบล็อกใหม่

  ในทางกลับกันกลไกแบบ PoS ใช้ประโยชน์จากการวางเหรียญไว้ในระบบเพื่อแลกรับสิทธิ์ในการตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมบนบล็อกเชน เพื่อช่วยลดความจำเป็นในการใช้พลังงานไฟฟ้าและฮาร์ดแวร์

  ที่มา : theblock