GRAMMY แย้มสนใจลุยธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภท NFT ระบุอยู่ระหว่างศึกษา - หารือกับพาร์ทเนอร์ คาดเห็นความชัดเจนปีนี้ ยอมรับรายได้ปีนี้วูบ 8-12% เหตุคอนเสิร์ต-อีเว้นท์เจอพิษโควิด เผยมี JV ปีนี้ 1-2 ดีล ต่อยอดธุรกิจ O Shopping ระบุมีแผนลดต้นทุน 200 ลบ.ใน 3 ปี
นายธนากร มนูญผล รองกรรมการผู้อำนวยงาน หน่วยงาน Grop Investment บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า บริษัทมีความสนใจในธุรกิจทรัพย์สินดิจิทัล ประเภท Non-fungible Token (NFT) เนื่องจากบริษัทมีคอนเทนต์ขนาดใหญ่ ทั้งเพลง ศิลปิน และผลงานอื่นๆ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่อง NFT ว่าจะสามารถใช้ประโยชน์หรือสร้างรายได้จากเทคโนโลยีดังกล่าวได้หรือไม่ และอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ทเนอร์ ซึ่งมีโอกาสเห็นธุรกิจดังกล่าวภายในปีนี้
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้มองว่าจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 คาดว่ายังส่งผลให้ภาพรวมรายได้ลดลง 8-12% จากปี 63 ที่ทำได้ 5,035.62 ล้านบาท เนื่องจากการจัดคอนเสิร์ต ,เฟสติวัล ,อีเว้นท์ในปีนี้ต้องเลื่อนและชะลอการจัดออกไป
โดยโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ในปีนี้บริษัทสามารถจัดงานได้เพียง 8 งาน หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 268 ล้านบาท ทั้งนี้หากไม่มีสถานการณ์โควิด บริษัทฯ จะจัดได้ประมาณ 16 งาน และจากเดิมที่คาดว่าผลกระทบโควิด-19 ระลอก2 จะลดเหลือ 13 งาน
แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้จะมีกำไรดีกว่าปีก่อน ซึ่งขาดทุนอยู่ที่ 175.41 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการเติบโตของบริษัทร่วมทุน(JV) ทั้งการบริหารต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายในช่วง 3 ปีนี้จะลดต้นทุนให้ได้ประมาณ 150-200 ล้านบาท หนุนธุรกิจหลักทั้ง 4 ด้าน ทั้งธุรกิจเพลง , ธุรกิจโอ ช้อปปิ้ง (O Shopping ), ธุรกิจ GDH 559 และธุรกิจ Z Trading ทั้งนี้ปีก่อนบริษัทมีการบันทึกผลขาดทุนจากการปรับโครงสร้างของธุรกิจ GRAMMY ใหม่
"ผลงานในช่วงไตรมาส 2/64 เติบโตกว่าปีก่อนจากไตรมาส 2/63 ที่มีกำไรประมาณ 7.5 ล้านบาท หลังบริษัทได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและมีรายได้จากธุรกิจกิจการร่วมค้าเข้ามาช่วยหนุน อีกทั้งการบริหารต้นทุนให้ 4 ธุรกิจหลักไม่ให้ขาดทุน" นายธนากรกล่าว
สำหรับดีลร่วมทุน(JV) คาดว่าจะเห็นอีก 1-2 ดีล ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจโอ ช้อปปิ้ง โดยจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/64 ด้านแผนการลงทุน(CAPEX) ปี 64 คาดว่าจะใช้รวมประมาณ 300-400 ล้านบาท สำหรับธุรกิจเพลง, อีเว้นท์ต่างๆ รวมถึงการลงทุน JV ด้านบริษัทร่วมทุน วายจีเอ็มเอ็ม ซึ่งร่วมมือกับ บริษัท วายจีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ อิงค์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศิลปินไอดอลของเกาหลี คาดว่าจะเริ่มการออดิชั่นศิลปินในปีนี้ โดยคาดว่าจะสามารถพัฒนาเป็นศิลปินได้ในอีก 3-5 ปี
|