JTS เผย Q2/65 กำไรลดลง 6.91% อยู่ที่ 34.74 ลบ. ชี้รายได้ธุรกิจหลัก - เหมืองบิทคอยน์ยังโต แต่ต้นทุนพุ่ง - บันทึกด้อยค่าบิทคอยน์ขาลงกดดัน ชี้ครึ่งปีหลังจะรับมองเครื่องขุดอีก 2,599 เครื่อง ดันกำลังขุดรวม 422,204 TH/s
บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า กำไรสุทธิ 34.74 ล้านบาท ลดลง 6.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 37.32 ล้านบาท
โดยรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/65 เพิ่มขึ้น 22.72% ตามธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและบริการโทรคมนาคม ธรุ กจิ ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม รายได้จากธรุ กจิ จัดหา ออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจเหมืองขุด บิทคอยน์ อยู่ที่ 22.23117666 เหรียญบิทคอยน์ คิดเป็นเงิน 23.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
ด้าน ต้นทุนขาย - บริการ ต้นทุนเหมืองขุดบิทคอยน์ และค่าใช้จ่าย อยู่ที่ 467.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.78 ล้านบาท หรือ 25.75% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ต้นทุนธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์เพิ่มขึ้นจำนวน 64.06 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้นทุนเหมืองขุดบิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้น 34.31 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/65 เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินงานเหมืองขุดบิทคอยน์เพิ่มขึ้น จำนวน 4.0 ล้านบาท และการบันทึกด้อยค่ามูลค่าเหรียญบิทคอยน์จำนวน 30.16 ล้านบาท ตามมูลค่ายุติธรรม (ราคาตลาด) ของเหรียญบิทคอยน์ต่อเหรียญดอลล่าร์สหรัฐที่ลดลง
โดยในไตรมาสที่ 2/65 บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด ("JasTel") ซึ่งบริษัทย่อยและเป็นผู้ประกอบธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ มีจำนวนเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ติดตั้งแล้วเสร็จ จำนวน 927 เครื่อง กำลังขุดรวม 90,204 TH/s
และมีจำนวนเครื่องขุด บิทคอยที่จะทยอยส่งมอบในปี 65 อีกทั้งสิ้น 2,599 เครื่อง โดยจะส่งมอบในไตรมาสที่ 3 จำนวน 1,699 เครื่อง และไตรมาสที่ 4 จำนวน 900 เครื่อง ทำให้ปลายปี 2565 ทาง JasTel จะมีเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ส่งมอบแล้วทั้งสิ้น 3,526 เครื่อง กำลังขุดรวมทั้งสิ้น 422,204 TH/s
โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 65 เกิดภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในรอบ 40 ปี อีกทั้งเหรียญ Luna บนเครือข่าย Terra มีราคาลดลงอย่างมหาศาล สถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ และส่งผลกระทบต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น และสินทรัพย์ดิจิทัล อีกทั้งบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ต้องพึ่งพาสภาพคล่องในโลก
เมื่อสภาพคล่องถูกระบายออกเนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกพากันคุมเข้มนโยบายการเงินและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย บิทคอยน์จึงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับสินทรัพย์ในตลาดอื่นๆ แต่เมื่อสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น คาดว่าราคาบิทคอยน์จะปรับตัวดีขึ้น บริษัทฯ เห็นว่าการลงทุนในเหมืองขุดบิทคอยน์เป็นการลงทุนในระยะยาว ดังนั้นเหรียญบิทคอยน์ที่ขุดมาได้นั้น จะขายเมื่อมีกำไรเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ลงทุนเท่านั้น
บริษัทฯ พิจารณาว่าเหรียญบิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่ และมีปริมาณจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น อีกทั้งข้อมูลราคาย้อนหลังของบิทคอยน์นั้นมีแนวโน้มของการปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการขายสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงเวลาที่ราคาบิทคอยน์ตํ่าอันเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างต้นนั้น ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลหมดไปและเกิดการขาดทุนทันที
|