สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 พ.ค.) ที่ระดับ 32,120.28 จุด เพิ่มขึ้น 191.66 จุด หรือ +0.60% ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 3,978.73 จุด เพิ่มขึ้น 37.25 จุด หรือ +0.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับ 11,434.74 จุด เพิ่มขึ้น 170.29 จุด หรือ +1.51%
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดในแดนบวกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ได้เปิดรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 3-4 พ.ค.ที่ระบุว่า คณะกรรมการบริหารของเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือน มิ.ย.และก.ค. เป็นสิ่งที่เหมาะสม
นอกจากนี้คณะบริหารทุกคนยังมีความคิดไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เฟดใช้มาตรการทางการเงินเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย
จากรายงานการประชุมของเฟดดังกล่าวได้ทำให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปรับเพิ่มขึ้น โดยราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.12% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส เพิ่มขึ้น 1.41% หุ้นซูม วิดีโอ คอมมูนิเคชัน พุ่งขึ้น 8.48% ส่วนของหุ้นในกลุ่มพลังงานก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยหุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 2.01% และหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 1.57%
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่น่าสนใจกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของประจำเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว น้อยกว่าตัวเลขในเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.6%
|