สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแคนซัส คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงระดับ 2% ภายในเดือนส.ค. และมีแนวโน้มว่านโยบายการเงินของเฟดจะมีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงชะลอตัวลงมา
นางเอสเธอร์ กล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายของเฟดได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างรวดเร็วในการฟื้นฟูเสถียรภาพด้านราคา และอาจทำให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยถึงระดับ 2% ภายในเดือนส.ค. เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 8%
ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น นางเอสเธอร์กล่าวว่า มีปัจจัยมาจากปัญหาด้านอุปทานเช่นการขาดแคลนอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงผลกระทบจากสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่สิ่งที่สำคัญที่สำคัญที่สุดคือตลาดแรงงานสหรัฐฯอยู่ในสภาวะตึงตัว แม้เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะยังไม่ฟื้นตัวอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการระบาด ส่งผลให้นายจ้างต้องดิ้นรนในการว่าจ้างแรงงาน แม้จะต้องปรับขึ้นอัตราค่าแรงก็ตาม ซึ่งอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและเป็นสิ่งที่เฟดไม่สามารถมองข้ามได้อย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้เฟด จะจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50%
|