EGCO มั่นใจรายได้-กำไรเติบโตจากปีก่อน หลังความต้องการใช้ไฟเพิ่มหลังโควิดคลี่คลาย พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าปีนี้ 1,000 เมกะวัตต์ แย้มอยู่ระหว่างเจรจา 3-4 โครงการ ตั้งงบลงทุน 5 ปี (64-68) 1.5 แสนลบ.
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทมั่นใจรายได้ และกำไรในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนแน่นอน ที่มีรายได้ 43,481.82 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 8,733.03 ล้านบาท โดยจะมาจากความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าปีนี้เพิ่มขึ้น 1,000 เมกะวัตต์ โดยจะขยายพอร์ตทั้งพลังงานหมุนเวียน และ Smart Energy Solution เพื่อรับเทรนด์พลังงานโลก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับโครงการ 3-4 โครงการ โดยมีพื้นที่เป้าหมายคือ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐ
“เป้าหมายกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ เวลามองโครงการ มองทุกประเภท โครงการที่เป็น M&A รับรู้รายได้ได้เลย ซึ่งก็เป็นเป้าหมายที่เราต้องการ เราต้องการโครงการที่มีมูลค่ากับเราในระยะยาว”นายเทพรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบในปีนี้กว่า 37,000 ล้านบาท ในการซื้อโรงไฟฟ้าและการลงทุนในกิจการใหม่ๆที่เกี่ยวเนื่อง และตั้งงบกว่า 150,000 ล้านบาท ในการขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 5 ปี หรือ ปี 64-68
สำหรับปัจจุบัน มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 แห่ง ประกอบด้วย ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง 1 ธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 4/64 โรงไฟฟ้า หยุนหลิน ที่คาดว่าจะ COD ได้ในไตรมาส 2/64-ไตรมาส 1/65 และโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ที่คาดว่าจะ COD ได้ในไตรมาส 2/65
ส่วนโครงการลินเดน โคเจน ในสหรัฐคาดว่าจะดำเนินการซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64 ด้านโครงการโรงไฟฟ้ากวางจิ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา (Green-field) และการเจรจาสัญญาหลัก ขณะที่การต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน อยู่ระหว่างการทำ EIA ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติในไตรมาส 2/64 และคาดว่าจะก่อสร้างในต้นปี 65
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ในธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค ประกอบด้วย โครงการไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีกำหนดการแล้วเสร็จในไตรมาส 4/64
ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ซึ่งจะเป็นประเภทนิคม Smart & Green Industrial Estate ซึ่งจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ การแพทย์ครบวงจร เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 65
ด้าน LNG Shipper License หรือ กิจการจัดหาและการค้าส่งก๊าซธรรมชาติเหลวนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้นั้น กลยุทธ์ที่สำคัญจะเน้น 4I ประกอบด้วย 1.Invest ลงทุนในสินทรัพย์ที่เติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 2.Inprove ปรับปรุงและบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้มีความเป็นเลิศ 3.Innovate ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และ 4.Increase เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการเงิน
ด้านสถานการณ์การใช้ไฟฟ้า มองว่า ธุรกิจไฟฟ้ามีโอกาสเติบโตสูง โดยเฉพาะหลังมีวัคซีน และสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เชื่อว่า พลังงานไฟฟ้าจะเป็นพลังงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก และจะเห็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดมาก
นายเทพรัตน์ กล่าวว่า ส่วนการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม และมีกระแสข่าวว่าบริษัทจะจับมือร่วมกับ BEM นั้น ขอไม่ตอบในเรื่องดังกล่าว
|