สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันอังคาร (11 มิ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดลดลง 120.62 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และแนสแดคปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้น Apple ที่พุ่งขึ้นกว่า 7% ในขณะที่นักลงทุนจับตารายงานตัวเลขเงินเฟ้อและผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดลดลง 120.62 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 38,747.42 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 14.53 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 5,375.32 จุด ดัชนีแนสแดค ปิดเพิ่มขึ้น 151.02 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 17,343.55 จุด หุ้นของ Apple พุ่งขึ้น 7.3% ทำระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 207.15 ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นปัจจัยช่วยหนุนให้ดัชนี S&P 500 และแนสแดค พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน Apple ได้เปิดตัวคุณสมบัติปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่ในงาน WWDC 2024 เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับผลิตภัณฑ์ รวมถึงผู้ช่วยเสมือน Siri ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความสามารถตอบคำถามได้หลากหลายและทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีใน S&P 500 ดีดขึ้น 1.7% และทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนจับตารายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในช่วงค่ำวันนี้ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดซึ่งจะสิ้นสุดลงในช่วงเช้ามืดของวันพฤหัสบดี (13 มิ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% แต่จะเปิดเผยประมาณการทางเศรษฐกิจชุดใหม่ รวมถึงรายงาน “Dot plot" ซึ่งเป็นคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับอัตราและแนวโน้มดอกเบี้ยว่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางใดสำหรับปีนี้ เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนปรับลดคาดการณ์โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. ลงมาอยู่ที่ 50% หลังสหรัฐฯ เผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้านหุ้นรายตัว พบว่าหุ้น General Motors ปิดเพิ่มขึ้น 1.35% หลังจากที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมปรับลดคาดการณ์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประจำปีด้วย ขณะที่หุ้น Oracle ปิดเพิ่มขึ้น 8% หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง ที่มา Reuters |