“เอสจี แคปปิตอล (SGC)” ประกาศราคาขาย IPO จำนวน 820 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.90 บาท เตรียมเปิดจองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้น SINGER 21 – 25 พ.ย.นี้ และเปิดจองซื้อสำหรับประชาชนทั่วไป วันที่ 29 พ.ย. – 2 ธ.ค.นี้ เดินหน้ากางแผนธุรกิจในงานโรดโชว์ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน พร้อมเข้าเทรดกลางเดือน ธ.ค.65
นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC เปิดเผยว่า SGC ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น มูลค่าการเสนอขายรวม 3,198 ล้านบาท กำหนดเปิดจองซื้อให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-Emptive Rights) ในอัตราส่วน 1.4326 หุ้นสามัญของบริษัทต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SGC ระหว่างวันที่ 21 - 25 พ.ย.นี้
ส่วนประชาชนทั่วไป และบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ สามารถจองซื้อหุ้น IPO ได้ในวันที่ 29 – 30 พ.ย. และวันที่ 1 – 2 ธ.ค.65 โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลางเดือน ธ.ค.นี้ ในหมวดธุรกิจ เงินทุนและหลักทรัพย์ ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “SGC”
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3.90 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 16.4 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.65) ทั้งนี้ พิจารณานำ P/E เฉลี่ยของบริษัทเทียบเคียงในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของ P/E เท่ากับ 24.9 เท่า นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ SGC เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นับเป็นอีกก้าวความสำเร็จและความภาคภูมิใจ ของ SGC ในฐานะผู้ให้บริการด้านสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินชั้นนำของประเทศไทย ที่ต่อยอดมาจาก SINGER พิสูจน์ด้วยผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น
โดยเฉพาะสินเชื่อประเภทให้เช่าซื้อรถยนต์แบบโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ภายใต้แบรนด์ “รถทำเงิน” มีการเติบโตก้าวกระโดด โดยเฉพาะประเภทรถบรรทุก และการขยายไปยังธุรกิจการให้สินเชื่อต่างๆ อย่างครอบคลุม
การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ จึงถือเป็นหนึ่งในแผนงานสำคัญของ SGC ที่จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ วางเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าลูกหนี้พอร์ตสินเชื่อทะยานสู่ 50,000 ล้านบาท ภายใน 69 จาก ณ สิ้นไตรมาส 3/ 65 มีมูลค่าลูกหนี้ 15,102 ล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน เล็งเห็นโอกาสจากการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในครั้งนี้ ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ SGC จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 820 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยมี SINGER ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนก่อน IPO 100% จะยังคงถือหุ้น SGC หลัง IPO ในสัดส่วนที่ประมาณ 74.92% นางวันทนา เพชรฤกษ์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัท หลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวเสริมว่า SGC จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ และนำเงินทุนบางส่วนไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ จำนวนเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจ และข้อจำกัดด้านต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ( SINGER) จำนวนเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท คาดว่าจะชำระคืนภายในไตรมาส 3/66 จึงมั่นใจว่า การระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนความน่าสนใจให้ SGC มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในอนาคตและมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า SGC อยู่ระหว่างการนำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ชูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตภายหลังจากการเข้าระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งแหล่งเงินทุนให้ SGC ด้วยกลยุทธ์ การมีพนักงานขายในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรถทำเงินเป็นมืออาชีพ รวมถึงการสรรหาพนักงานขายจากคนในพื้นที่ พร้อมทั้ง นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพิ่มขีดความสามารถการให้บริการเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น ควบคู่การคุมรักษาคุณภาพลูกหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้ง มีเครือข่ายดีลเลอร์ (Dealer) และตัวแทน (Agent) ในกลุ่มสินเชื่อรถทำเงินที่หลากหลายจำนวน 1,859 ราย และการเข้าถึงลูกค้าผ่านเครือข่ายสาขาและสาขาแฟรนไชส์ของบริษัทในเครือที่มีอยู่กว่า 4,154 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศไทย เป็นจุดแข็งที่ทำให้ SGC สามารถครองใจลูกค้า และมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมสร้างโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
ในด้านผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 65 SGC รายได้รวมอยู่ที่ 1,665 ล้านบาท เติบโต 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน 46% และรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร สัดส่วน 51% ที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และดอกเบี้ยสินเชื่อผ่อนทองและสินเชื่ออื่นๆ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 467 ล้านบาท พร้อมด้วยการควบคุมลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับต่ำที่ 3.7 %
ล่าสุด SGC ลงนามในสัญญาการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชน (IPO) โดยแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม พร้อมด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยมี บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะปรึกษาทางการเงินร่วม
|