HSBC คาดจีดีพีไทยปีนี้โต 3.3% รับนโยบายภาครัฐฯ - ท่องเที่ยวฟื้นโดยเฉพาะจีน แต่ปี 69 มองโต 2.7% เหตุหมดมาตรการกระตุ้น - หวั่นหนี้ครัวเรือนสูง ด้านสหรัฐฯ ขึ้นภาษีจีนอาจทำเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าไทยหนุนจีดีพีได้ 0.1 - 0.2%
นายเฟรดเดอริค นอยแมนน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าฝ่ายวิจัย ประจำภูมิภาคเอเชีย ธนาคารเอชเอสบี เปิดเผยในงานแถลงข่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ 3.3% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐบาลจากโครงการต่างๆ เช่น โครงการแจกเงินที่คาดว่าจะช่วยหนุนไปอีกประมาณ 6 เดือน และโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐบาลที่ถูกเลื่อนมาจากปีก่อนๆ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้น โดนเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะกลับมาแม้ว่าจะมีข่าวลบ เรื่องนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกหลวง แต่มองว่าเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น

"ปีนี้ HSBC คาดว่าจะจีดีพีไทยจะเติบโตได้ 3.3% จากมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวฟื้น แต่ในปีหน้าคาดจีดีพีจะโตเพียง 2.7% เพราะอานิสงส์ดิจิทัลวอลเล็ตไปไม่ถึงปีหน้า และอาจมีความไม่แน่นอนว่าจะเกิดมาตรการนี้ขึ้นอีกหรือไม่ และโครงการต่างๆ อาจไม่ได้มีต่อในปีหน้า อย่างไรก็ตามปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยยังสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการบริโภคในอนาคต" นายเฟรดเดอริคกล่าว
สำหรับสงครามการค้าเรื่องการปรับขึ้นภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งล่าสุดสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจีนที่ 10% แต่มองว่าจีนจะมีความสามารถในการรับมือกับประเด็นดังกล่าว เนื่องจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนที่อิงภาคการส่งออกคิดสัดส่วน 12.5% ของจีดีพี แต่การส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯ คิดเพียงสัดส่วนเพียง 2.5% ซึ่งเบื้องต้นประเมินผลกระทบจากกรณีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีต่อจีดีพีจีนประมาณ 0.2 - 0.3%
ส่วนผลกระทบจากกรณีการขึ้นภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ ยังไม่สามารถคาดการณ์ถึงผลกระทบในแง่ลบต่อประเทศไทยได้ชัดเจน เนื่องจากนโยบายภาษียังไม่แน่นอนสูง แต่การที่สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีในจีน มองว่าอาจเป็นปัจจัยบวกในแง่เงินลงทุนไหลเข้ามาสู่ประเทศไทยได้ ซึ่งประเทศไทยน่าจะได้รับปัจจัยบวกจุดนี้และมีผลกระทบเชิงบวกต่อจีดีพีไทยประมาณ 0.1 - 0.2% อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังเป็นกลุ่มเป้าหมายกลางๆ ซึ่งหลังจากนี้ต้องติดตามว่าไทยจะโดนกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตามมองว่าความไม่แน่นอนด้านภาษีดังกล่าวส่งผลลบต่อแนวทางการลงทุนในตลาดโลกที่อาจชะงักออกไปก่อน และอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคโดยรวม โดยเป้าหมายการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีประเทศอื่นๆ ตามมา เช่น ยุโรป เม็กซิโก หรือ แคนาดา

|