New York Post รายงานว่า บรรดาผู้บังคับการแห่งซาน ฟรานซิสโกได้ลงคะแนนให้ตำรวจสามารถใช้หุ่นยนต์ที่มีแนวโน้มเป็นอันตรายและควบคุมจากระยะไกลในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ

      การดำเนินการดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้กองทัพหุ่นยนต์อันตรายภาคพื้นดิน “เมื่อเกิดความเสี่ยงที่จะสูญเสียชีวิตของประชาชนอย่างชัดเจน และเจ้าหน้าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้หลังจากที่ใช้วิธีการต่างๆ หรือกลยุทธ์การลดระดับความรุนแรงแล้วก็ตาม” 

      คณะผู้บังคับบัญชาซาน ฟรานซิสโก ลงคะแนนเสียง 8 ต่อ 3 ให้ใช้นโยบายอันเป็นที่ถกเถียงนี้ 

      ทั้งนี้ หุ่นยนต์ตำรวจจะไม่พกกาอาวุธ แต่สามารถใช้กำลังรุนแรงในสถานการณ์ที่รุนแรงได้ 

      ด้านผู้บังคับการ ที่โหวตคัดค้าน รวมถึงผู้คัดค้านคนอื่นๆ มองว่าจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชุมชน

      ผู้บังคับการ Shamann Walton ประธานกรรมการของคณะผู้บังคับบัญชา ซึ่งโหวตคัดค้านข้อเสนอนี้ กล่าวว่า เขาไม่ได้ต่อต้านตำรวจ แต่เขา “เข้าข้างประชาชนผิวสี”

      เขากล่าวว่า “มีการขอให้เพิ่มอาวุธและการตอบโตเชิงลบระหว่างกรมตำรวจและประชาชนผิวสีมากขึ้น” และ “นโยบายนี้ เป็นหนึ่งในวิธีการเหล่านั้น” 

      ส่วนทางด้านผู้บังคับการ Connie Chan ให้ความเห็นว่า เข้าใจถึงประเด็นน่ากังวลใจเกี่ยวกับการใช้กองทัพหุ่นยนต์ แต่ “ตามที่ระบุในกฎหมายของรัฐ ให้เราต้องอนุมัติการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายในการหารือ”

      ข้อเสนอนี้ ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อวันอังคาร (29 พ.ย.) โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่สามารถใช้หุ่นยนต์หลังจากที่พยายามใช้กำลังหรือกลยุทธ์เพื่อลดความรุนแรงต่างๆ แล้ว และกรมตำรวจจะจำกัดจำนวนตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่จะมีอำนาจในการใช้หุ่นยนต์เพื่อเป็นทางเลือกในการใช้กำลังที่รุนแรงถึงฆาตนี้ 

      ปัจจุบัน กรมตำรวจซาน ฟรานซิสโก มีจำนวนหุ่นยนต์ภาคพื้นราว 12 ตัวที่ใช้ในการประเมินระเบิด หรือใช้ช่วยในการมองเห็นในสถานการณ์ที่มีการมองเห็นได้ในระดับต่ำทัศนวิสัยไม่ดี

      ซึ่งกรมตำรวจได้ขอหุ่นยนต์เหล่านี้ระหว่างปี 2553 - 2560 และยังไม่เคยได้ใช้นำส่งอุปกรณ์ระเบิดใดๆ 

      กฎหมายภาครัฐที่มีผลบังคับใช้ในปีนี้ระบุว่า ให้กรมตำรวจสำรองอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพที่ใช้ในกองทัพ (Military-Grade Equipmen) อย่างเช่นหุ่นยนต์ และให้ทำการขออนุมัติเพื่อใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้น 

      อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้จะต้องได้รับการโหวตครั้งที่สองในการประชุมสัปดาห์หน้า และได้รับการอนุมัติจากนายกเทศมนตรีก่อนที่จะบังคับใช้เป็นกฎหมายของเมืองต่อไป