สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานวันนี้ (17 มี.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวานนี้ (16 มี.ค.) ปรับตัวสูงขึ้น 1% ก่อนหน้านี้ปรับลด 3 วันติดต่อกัน โดยมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย พบกันเพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มเสถียรภาพของตลาด
ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 68.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ เบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดเพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 74.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สื่อของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียรายงานว่า เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของประเทศ และรองนายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ โนวัค ของรัสเซีย พบปะกันที่กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือเกี่ยวกับความพยายามของกลุ่มโอเปกพลัส ในการรักษาสมดุลของตลาด
ทั้งสองประเทศ ยังคงยึดมั่นต่อการตัดสินใจของโอเปกพลัส เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ในการปรับลดเป้าหมายการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2566
ในช่วงต้นของการซื้อขาย ราคาน้ำมันทั้ง 2 สัญญา ขยับลงมากกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับใกล้ๆ ต่ำสุดรอบ 15 เดือนโดยก่อนหน้านี้ ในวันพุธ (15 มี.ค.) ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564
พร้อมกันนี้ ราคาน้ำมัน ยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในวงกว้างในตลาดการเงิน หลังจากธนาคารเครดิต สวิส ถูกควบคุมโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสวิตเซอร์แลนด์ และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ออกมาให้คำมั่นกับฝ่ายนิติบัญญัติว่าระบบธนาคารของสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ โอเปกและสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะแข็งแกร่งขึ้นในสัปดาห์นี้ แต่ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน จะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาด
|