ซิปเม็กซ์ (ZIPMEX) ตั้งเป้าฐานลูกค้าปีนี้ 100,000 บัญชี จาก 25,000 บัญชีในปัจจุบัน มั่นใจตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลปีนี้โตเร็ว ชู ZMT โทเคนทางเลือกใหม่ในการลงทุนจ่ายโบนัสให้ทุกวัน ขณะที่ Q2/64 เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "ZipPay" ใช้จ่ายด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลกับร้านค้าพันธมิตร พร้อมรับเครดิตเงินคืนทุกการใช้จ่าย
นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) กล่าวว่า ปีนี้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลน่าจะเติบโตเร็วเกินคาด เห็นได้จากสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เริ่มเข้ามาในตลาด ไม่ว่าจะเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์อย่าง ดีบีเอส วิคเคอร์ส (DBS) ที่เปิดศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเอง ,Rothchild Investment Corporation สถาบันการเงินชั้นนำในชิคาโกที่ลงทุนในบิตคอยน์เพิ่มขึ้นถึง 24% ภายใต้การบริหารของ Grayscale รวมถึง PayPal เปิดรับชำระเงินด้วยคริปโทฯ และล่าสุด การเข้ามาซื้อบิตคอยน์ของเทสลา ยิ่งทำให้ตลาดคึกคักมากขึ้น "มูลค่าการซื้อขายรวมตลอดทั้งปี 2563 มากกว่า 9,000 ล้านบาท...ในช่วงพีคๆ เดือนมกราคม 2564 วอลุ่มเทรดต่อวันของเราเคยขึ้นไปถึง 3,000 ล้านบาท และแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ก็น่าจะโตขึ้น" นายเอกลาภ กล่าว
นอกจาก วอลุ่มเทรดที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมกราคม ยังพบว่าในเดือนดังกล่าวมีลูกค้าลงทะเบียนเปิดบัญชีเข้ามาวันละประมาณ 3,000 ราย แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มเป็นปกติแล้ว พบว่ามีลูกค้าลงทะเบียนสมัครเข้ามาวันละประมาณ 1,000 ราย เชื่อว่าแนวโน้มจะยังคงเพิ่มขึ้นตามทิศทางของตลาด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZIPMEX กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะมีฐานลูกค้ารวมทั้งสิ้น 100,000 รายจากปัจจุบันที่มีอยู่ 25,000 ราย และจำนวนลูกค้าที่ซื้อขายทุกวันอยู่ที่ประมาณ 10-15% ทั้งนี้ หากแยกตามอายุของลูกค้าพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่หรือประมาณ 60% มีอายุในช่วง 20-35 ปี ส่วนลูกค้าที่อายุต่ำกว่า 20 ปี มีสัดส่วนไม่มากแค่ประมาณ 1%
ปัจจุบัน ZIPMEX มีมูลค่าทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 1,000 ล้านบาท และบริษัทถูกกำกับดูแลเช่นเดียวกับสถาบันการเงินทั่วไป โดยได้รับการตรวจสอบทุกไตรมาส และทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. และยังมี "BitGo"บริษัทความปลอดภัยชั้นนำในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นผู้ดูแลและรับประกันสินทรัพย์ดิจิทัลที่เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ที่ถูกควบคุม โดยมีการคุ้มครองสูงถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายเอกลาภ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/64 เตรียมจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อ "ZipPay" รายละเอียดในเบื้องต้นคือ ลูกค้าสามารถใช้จ่ายด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลได้หลายสกุลกับร้านค้าพันธมิตร และยังจะได้รับเครดิตเงินคืน 5% ในทุกการใช้จ่ายโดยใช้ QR code ขณะนี้อยู่ระหว่างทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง รวมถึงกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ส่วนอีกบริการที่วางแผนว่าจะเปิดตัวในอนาคตคือ "ZipLend" หรือกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลจาก Zipmex และสำหรับผู้ใช้งานที่ stake (ล็อค) ด้วย ZMT จะสามารถกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลได้ในอัตราพิเศษ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวต่อว่า สำหรับซิปเม็กซ์ โทเคน (Zipmex Tokens) หรือ ZMT ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจมากพอสมควร สะท้อนจากราคา ZMT ในช่วงนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากแรงซื้อของนักลงทุนที่ต้องการจะได้ครอบครองโทเคน ZMT เพื่อรับโบนัสของโปรแกรม ZipUp หรือจะฝาก ZMT ไว้ 90 วัน เพื่อรับโบนัสที่สูงขึ้น
"โบนัสที่เราจ่ายให้ มันไม่ได้มาจากการนำสินทรัพย์ของลูกค้าออกไปลงทุนอย่างอื่น เราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะมันผิดกฎหมาย ต่อให้ลูกค้ายินยอมก็ตามที แต่ถามว่าเรามีเงินมาจ่ายโบนัสให้กับลูกค้าที่ฝากสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างไร ก็เพราะเรามีแม่เป็นผู้สนับสนุนเงินโบนัสให้ นั่นก็คือบริษัทซิปเม็กซ์ เอเชีย" นายเอกลาภ กล่าว
อนึ่ง บริษัท ซิปเม็กซ์ เอเชีย พีทีอี ลิมิเต็ด (Zipmex Asia) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบกิจการค้าสินทรัพย์ดิจิทัล และ คริปโทเคอร์เรนซี
นายเอกลาภ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่คึกคักมากขึ้น ทำให้มีประชาชนสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดนี้มากกว่าปกติ ในระยะถัดไปอาจเห็นการเข้ามากำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต.ที่เข้มข้นกว่าเดิม เช่น การจำกัดวงเงินการลงทุนของรายย่อย หรือการให้ตอบคำถามต่างๆ มากขึ้น ก่อนจะเปิดบัญชีซื้อขายคริปโทฯ
"เท่าที่มีโอกาสได้คุยกับทาง ก.ล.ต. เขาก็มีความเป็นห่วงประชาชน จึงอาจจะกำลังดูอยู่ว่าจะมีเกณฑ์อะไรออกมาอีกหรือไม่ เช่น การจำกัดการลงทุนต่อราย เป็นต้น ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไป แต่ในฐานะผู้ประกอบการ Exchange ก็มองว่า อาจจะกระทบกับบรรยากาศของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยได้" นายเอกลาภ ระบุ
|